เยาวชนที่รวยเร็วที่สุด ในอเมริกา
ประเทศอเมริกานี้เป็นประเทศที่มีความเจริญอย่างมาก ทั้งยังมีการเปิดโอกาสในด้านความคิดอ่านแบบเสรี มีการคิดค้นและลงทุนในสิ่งใหม่ๆ แบบอิสระ ทำให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีแบบไร้ขีดจำกัด นอกจากจะมีเทคโนโลยีใหม่ๆเกิดขึ้นตลอดเวลาแล้ว ยังมีเยาวชนรุ่นใหม่ที่ได้ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของอเมริกาและของโลกด้วยว่า เป็นผู้ที่มีความคิดริเริ่มที่ดี กล้าที่จะตัดสินใจทำในสิ่งใหม่ๆ ที่ท้าทาย จนกระทั่งสำเร็จ ร่ำรวย จากการป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวในอเมริกา เราจะไปดูกันค่ะว่าพวกเขาเหล่านี้เป็นใครกันบ้าง
Jon Koon เยาวชนอเมริกัน เชื้อสายจีน
เขาเริ่มสนใจลงทุนตั้งแต่อายุ 16 เกี่ยวกับอุปกรณ์และอะไหล่รถยนต์โดยเน้นเรื่องคุณภาพ รูปแบบและความคงทนในการใช้งานเป็นหลัก ในปี 2008 ได้เริ่มมาสนใจธุรกิจแฟชั่น และเครื่องแต่งกาย จนกระทั่งมีแบรด์เนมที่ติดตลาดหลายชื่อภายใต้บริษัทแม่ที่ชื่อว่า Tykoon Brand Holdings บริษัทนี้มีมูลค่าในตลาดประมาณ 80 ล้านเหรียญConner Zwick เริ่มทำธุรกิจในขณะที่มีอายุเพียง 16 ปี
ซึ่งเขายังเรียนอยู่ในระดับจูเนียร์ไฮค์ เน้นเรื่องปรับปรุงวิธีการสอนและการเรียนโดยอาศัยเทคนิคใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์มาช่วย ได้ค้นคิด Flashcards+ เพื่อให้นักเรียนแต่ละคนได้เรียนรู้มากที่สุดด้วยตนเอง ปัจจุบันมีผู้เข้าไปในเว็บของเขาประมาณ 1.6 ล้านคนแล้ว มูลค่าที่ตีเป็นจำนวนเงินของระบบที่เขาค้นคิดได้นี้ยังไม่มีSean Belnick เริ่มคิดทำธุรกิจเมื่ออายุเพียง 14 ปี
เริ่มจากคิดเว็บไซต์ BizChair.com เริ่มขายเก้าอี้ก่อน จนกระทั่งมีทุกอย่างที่เกี่ยวกับเครื่องใช้สำนักงาน ภัตตาคาร และของใช้ในครัวเรือน ก่อนที่บริษัทสเตเปิลจะมีเว็บขึ้นมาขายอย่างเป็นทางการเสียอีก ปี 2008 บริษัทของเขามีรายได้ประมาณ 42 ล้านเหรียญRitik Malhotra เริ่มทำธุรกิจตั้งแต่อายุ 12
เริ่มจากเกมส์ และ Web Hosting มีความสนใจคอมพิวเตอร์โปรแกรมตั้งแต่อายุ 8 ขวบ และได้เริ่มมีรายได้จากธุรกิจนี้ตอนที่เขามีอายุ 13 ประมาณ 45,000 เหรียญ ในตอนซัมเมอร์เดียวเท่านั้นRay Land เริ่มธุรกิจอายุ 17
เกี่ยวกับการให้บริการรถลีมูซีนโดยตั้งบริษัทชื่อว่า Fabulous Coach ปี 2011 เขามีรถลีมูซีนทั้งหมด 65 คัน และรายได้ในปีนั้นเป็นจำนวน 6.5 ล้านเหรียญBrian Wong เริ่มธุรกิจอายุ 19
จากการที่เขาชอบเดินทางอยู่บ่อยๆ ได้ค้นคิดเกมส์ที่เล่นโดยใช้โทรศัพท์มือถือตอนที่เขามีอายุ 19 ปี ได้ร่วมมือกับบริษัทที่สนใจที่จะโฆษณาและให้รางวัลสำหรับผู้ที่เล่นเกมส์แล้วได้คะแนนสูง เช่น ให้ $10 Gift Card จาก Starbucks เขาและเพื่อนสามารถจัดหาเงินทุนมาได้เป็นจำนวน 11 ล้านเหรียญ เพื่อพัฒนาระบบที่เขาทำอยู่ให้ดีขึ้นJack Uesug เริ่มธุรกิจอายุ 16
ทำธุรกิจ T-Shirt ตอนอายุ 16 ปี เกิดที่รัฐฮาวาย มีเชื้อสายญี่ปุ่น เริ่มทำธุรกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป ด้วยกับร่วมมือจากศิลปินผู้ออกแบบเสื้อ มีกำไรได้บริจาคให้กับองค์กรไม่แสวงหากำไรอื่นๆSujay Tyle เริ่มตั้งแต่อายุ 13 ปี
เน้นเรื่องการมองเห็นของสายตาเป็นสำคัญ เพราะเขาและน้องมีปัญหาในเรื่องนี้ โดยตั้งองค์กรไม่แสวงหากำไรที่มีชื่อว่า Resight เขาได้รับทุนวิจัยจาก Thiel Fellowship ปี 2011 เป็นเงิน 100,000 เหรียญCory Levy เริ่มตั้งแต่อายุ 19 ปี
สนใจงานช่วยเหลือสังคมตั้งแต่อายุ 19 ปี ได้จัดตั้ง NextGen Conference ขึ้นมาเพื่อรวมความคิดและมันสมองของคนรุ่นใหม่กับนักลงทุนที่สนใจCatherine and David Cook
สองคนพี่น้องมีอายุ 15 และ 16 ปี เรียนอยู่ระดับไอสคูลที่นิวเจอร์ซีย์ สนใจการติดต่อสื่อสารระหว่างกลุ่มของเพื่อน มีความคิดที่จะทำหนังสือรุ่นโดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นสื่อ เพื่อที่จะขยายวงการใช้ของกลุ่มให้กว้างขวางขึ้น ได้รับความช่วยเหลือจากพี่ชาย ลงทุนให้ 250,000 เหรียญ ทำออนไลน์หนังสือรุ่นเรียกว่า Yearbook.com จนกระทั่งโด่งดังและได้ขายเว็บนี้ให้กับ Quepas เป็นเงินถึง 100 ล้านเหรียญ และยังแถมหุ่นในบริษัทอีกด้วย ได้เปลี่ยนชื่อเว็บเป็น MeetMe ปัจจุบันบริษัทใหญ่ๆ เช่น ABC, Walt Disney, Neutrogena etc. ให้ความสนใจลงโฆษณาผ่านเว็บนี้ นับว่าเขาสองคนประสบความสำเร็จทำเงินได้สูงสุดตั้งแต่อายุยังน้อย เห็นความตั้งใจและความสำเร็จของเยาวชนเหล่านี้แล้ว น่าจะเป็นตัวอย่างของคนรุ่นใหม่ทุกคนได้เป็นอย่างดี หวังว่าสักวันจะมีเยาวชนไทย ติดอยู่ในกลุ่มนี้บ้างนะค่ะบทความที่เกี่ยวข้อง
มาเริ่ม กิจการส่วนตัวในอเมริกา กันเถอะ งานอาสาสมัครกับการสมัครงาน เด็กอเมริกัน ดูแลการใช้จ่ายเงินของเค้ายังไงนะ งาน Part-time ในอเมริกา GoGoAmerica.com เว็บรวมหลากหลายเรื่องราวน่ารู้ใน อเมริกา ทั้ง วัฒนธรรม อาหาร ชีวิตความเป็นอยู่ หางานอเมริกา สถานที่ เที่ยวอเมริกา สำหรับคนไทยที่มีเป้าหมายในอเมริกาไม่ควรพลาดขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : http://money.msn.com, http://www.siamtownus.com,www.theinvestmentstylist.com.au www.nj.com ,vimeo.com ,www.biztok.pl ,www2.macleans.ca busride.com ,lockin.biz ,www.businessinsider.com