ขับรถหลงทางในอเมริกาเป็นเรื่องธรรมชาติ
อยู่อเมริกามาก็เดือนกว่าแล้ว ใบขับขี่ก็มีแล้ว รถก็ซื้อแล้ว เอาละ……ถึงเวลาขับรถเองคนเดียวซะที!!!
หลังจากฝ่าฟันอุปสรรคในการทำใบขับขี่อย่างโชกโชน ก็ถึงเวลาทดสอบฝีมือการขับรถของเราซะหน่อย โฮะ โฮะ เรามีใบขับขี่ของไทยก่อนมาอเมริกาประมาณ 2 เดือน แสดงถึงความช่ำชองในการขับรถเป็นอย่างดี….. – – เอาหน่ะ ขับรถที่อเมริกาใครๆก็บอกว่าง่ายแสนง่าย ไม่เหมือนขับรถในกรุงเทพซะหน่อยเนอะ คนที่นี่เค้าใจเย็น ขับช้าๆตาม speed limit ไป ไม่มีใครมาปาดซ้ายปาดขวา บีบแตรไล่ มองหน้าหาเรื่อง เหมือนบ้านเรา เพราะกฎหมายที่นี่เค้าเข้มงวดมาก ดังนั้นมือใหม่หัดขับอย่างเราเลยขับได้สบายบรื๋อ ถึงแม้ตอนแรกๆอาจจะมีสับสนกับถนนบ้าง เพราะถนนที่นี่เค้าขับชิดขวา เราเกือบขับไปเลนที่รถสวนทางมาก็มี เปิดไฟเลี้ยวผิดๆถูกๆบ้าง แต่!!! นั่นไม่ใช่ประเด็น !!! สิ่งที่ทำให้เราเซ็งสุดๆคือจำทางไม่ได้ซะที…… T T
ถนนที่นี่ไม่เหมือนกับเมืองไทย จะแลดูเป็นระเบียบกว่าเยอะ มีโค้งขึ้นลงบ้างพอให้เสียวท้องเล่น แต่ก็นั่นแหละ เป็นระเบียบซะจนหาจุดที่จำไม่ได้ซ้ากกะที หน้าตาบ้านก็เหมือนๆกันซะหมด ไม่มีแบบอุ๊ย..ถังขยะอันนั้นชั้นจำได้มีขยะเต็มทุกที ชั้นต้องเลี้ยวตรงเพิงหมาแหงนเล็กๆนั่น หรือเวลาเจอกำแพงบอกชื่อสถาบัน ชื่อพ่อแม่ใคร ต้องเตรียม u-turn นะ โนวววว ที่นี่ไม่มีสัญลักษณ์อะไรแบบนี้ให้จำเลย แย่ซะจริง
เราก็เลยต้องจำ จำ จำทางแล้วขับให้คุ้นทางเอา จนในที่สุดก็ขับไปโรงเรียนกลับบ้านเองคนเดียวได้แล้ววว ฮูเร่ (คนดีใจที่สุดคงเป็นพี่สาว เพราะไม่ต้องมาคอยรับคอยส่งเราให้เมื่อยตุ้ม 555) แต่!!แค่ไปกลับโรงเรียนกับบ้านมันไม่สามารถฉุดรั้งความต้องการของเราได้ ฤกดิ์งามยามดีเพื่อนชวนไปกินข้าวที่บ้าน จึงตอบตกลงอย่างไม่ลังเล (บ้านมันอยู่ไหนตรูยังไม่รู้เลย กระแดะตอบตกลงซะงั้น ) ก็เตรียมตัวดูแผนที่นู่นนี่ เตรียมGPS ไว้ในรถ ไอ่เราก็ไม่เคยจะใช้ GPS ซะด้วย แถมยังเป็นภาษาปะกิดอีก ตรูจะรอดไม๊เนี่ย บร๊ะ ช่างมัน มี GPS ติดตัวไว้ใช้อุ่นใจค่ะ ^ ^
และแล้วก็เริ่มออกเดินทาง GPS บอกว่าใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึง ว้าว ใกล้ๆเองนิ ชิวๆ ออกเดินทางไปซักพักประมาณ 20 นาทีเริ่มเข้าสู่เส้นทางที่ไม่คุ้นเคย จากที่ขับไปโยกหัวไปตามเพลงในวิทยุ ก็เริ่มลดเสียงฟังเจ๊จี (ชื่อเล่นของ GPS เรา) ให้เจ๊เค้าบอกทาง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เป็นเพราะชั้นฟังเจ๊เค้าบอกทางไม่ออกหรือยังไง มันถึงทำให้ชั้นขับเลยไปซะงั้น ก็ดูในแผนที่มันเหมือนแบบอีกซักพัก ไม่คิดว่าจะเป็นแยกนี้นี่หน่า
ว่าแล้วเจ๊จี ก็จัดการหาเส้นทางใหม่ให้ซะ ใจเย็นๆนะตัวเรา ขับไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็ถึง รำพึงรำพันในใจ ขับต่อไปอีกซักพัก ด้วยความที่กลัวจะขับเลยอีก เลยตั้งใจที่จะเลี้ยวเต็ม ปรากฏเลี้ยวก่อนซะง้าน อร้ายยย แล้วผิดนี่ไม่เท่าไหร่ แต่ดันเลี้ยวมาเจอทางด่วนซะนี่!!
บร๊ะแหล่ว บร๊ะแหล่ว อยู่เมืองไทยยังไม่เคยจะขับขึ้นทางด่วนเลย มาประเดิมขับทางด่วนที่อเมริกาซะแหล่วว จะเลี้ยวกลับก็มิด้าย เลยต้องขับเข้าไปทางด่วน เสียตังอีกสามเหรียญกว่าๆ เซ็งเป็ดมาก จำได้ว่าตอนนั้นลุกลี้ลุกลนมาก แทนที่จะเปิดหน้าต่างเสียบบัตรจ่ายตัง กลับเปิดประตูรถลงมาซะงั้น แถมไม่ใส่รองเท้าอีกด้วยนะ ดีที่ไม่มีรถข้างหลังตามมา ไม่งั้นคงโดนหัวเราะแหงว่าอีนี่มันเป็นอะไร มันจะลงมาทำไมแน่เลย….
เอาละ เริ่มเครียดละ เข้าทางด่วนมาได้ไงฟะเนี่ย เราก็ขับไปเรื่อยๆตามเสียงเจ๊อีกเหมือนเดิม แต่คราวนี้ตั้งใจขับเป็นพิเศษเลยหาทางออกมาจากทางด่วนจนได้ (ไม่วายเสียค่าทางออกอีกสามเหรียญกว่า T^T) จนในที่ฝุดดดดด เราก็มาถึงบ้านเพื่อนจนได้ เย้ จากที่ควรใช้เวลาครึ่งชั่วโมง เราก็ใช้ไปเกือบชั่วโมงเลยทีเดียว แล้วก็ใช้เวลาเม้ามอยกินข้าวกะเพื่อนไปจนถึงดึก (ไม่สำเหนียกตัวเองเล้ยยยยยว่ายังไม่คุ้นเส้นทาง อยู่เพลินจนถึงมืดค่ำ) จนถึงเวลากลับบ้านก็เกือบสามทุ่มละ ถนนที่นี่ตอนมืดน่ากลัวมาก น้อยมากที่จะมีไฟที่ถนน (ถ้าไม่ใช่ถนนเส้นใหญ่ อย่าหวังเลยว่าจะมีไฟข้างถนนไว้ให้มองทาง) ทางที่นี่เลยต้องอาศัยไฟหน้ารถอัน
น้อยนิดของเรา เป็นแสงไฟนำพาเรากลับบ้าน เอาเว้ย มายังมาได้ กลับก็ต้องกลับได้สิฟะ เจ๊จีจ๋า ช่วยหนูด้วยนะเคอะ ขากลับคราวนี้เราเลี้ยวไม่ผิดเลย แต่อีเจ๊นี่สิ พาเราใช้เส้นทางด่วนอีกละ โว้ย อะไรกันเนี่ยเจ๊ ถ้าเจ๊นี่เป็นคนนี่โดนเราด่าไปละนะ แต่เจ๊เค้าไม่ใช่ เราก็เลยบ่นกะตัวเองอยู่คนเดียว แล้วก็ยอมสียตังแต่โดยดี
โอวว การขับรถตอนกลางคืนที่นี่มันไม่ง่ายเลยนะนี่นะ นอกจากต้องดูแผนที่ ฟังเสียงเจ๊เค้าพูด แล้วยังต้องขับรถให้ถูกเลนอีกด้วย แถมมืดอีกต่างหาก ช่างเป็นเรื่องท้าทายสำหรับสาวบอบบางร่างน้อยแบบเราซะจริงเชียว เอาหล่ะตั้งสติ แล้วก็ขับไปเรื่อยๆจนใกล้จะถึงบ้าน ก็ยังไม่วายขับรถเลยอีกจนได้ เชื่อไม๊ว่าช่วงที่ใกล้ถึงบ้าน จำไม่ได้เลยว่าอยู่แถวบ้านแล้ว มันมืดมากๆก็เลยขับเลยไปซะงั้น จนในที่สุดก็ขับถึงบ้านจนได้ ฟู่วว
แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณเจ๊จีเค้าหล่ะ ถ้าไม่มีเจ๊เราคงกลับไม่ถึงบ้าน แล้วเราก็คงไม่ต้องขึ้นทางด่วนด้วย 555 เพราะฉะนั้น เจ๊จีนี่มีความสำคัญกับคนที่ไม่ชำนาญเส้นทางอย่างเรามาก แม้เจ๊เค้าจะพาไปทางด่วนบ้าง (ความจริงเพิ่งมารู้ว่าตั้งค่าไม่ให้ขึ้นทางด่วนได้) เราอาจจะฟังเจ๊เค้าไม่รู้เรื่องบ้าง แต่สุดท้ายเราก็สามารถถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย แต่มันจะดีมากถ้าเกิดว่าเราสามารถจำทางได้เอง วันหลังเราจะได้ไม่ต้องพึ่งเจ๊เค้าอีก ^ ^