ค่าใช้จ่ายต่างๆในอเมริกาในสถานะนักเรียน F-1
ค่าใช้จ่ายต่างๆในอเมริกาในสถานะนักเรียน F-1- ในแต่ละปี มีเด็กไทยจำนวนไม่น้อย ที่ตัดสินใจมาเรียนต่อปริญญาตรีหรือโทในอเมริกา การมาเรียนต่างประเทศนั้น แน่นอนว่ามีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ซึ่งถ้าหากท่านพ่อท่านแม่มีทุนหนา ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้มากนัก แต่สำหรับชนชั้นกลางทั่วไปอย่างเราๆ ก็ต้องคำนวณเตรียมพร้อม สำรองเงินค่าใช้จ่ายไว้ให้ดีๆ
วันนี้ GoGoAmerica.com เลยขอพูดถึง ค่าใช้จ่ายต่างๆในอเมริกาในสถานะนักเรียน วีซ่า F-1 กันหน่อยนะค่ะ
ค่าเทอม
ค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ๆที่นักเรียนทั่วไปจะมีก็คือ ค่าเทอม ซึ่งที่อเมริกาเค้าจะมีให้เราเลือกว่าเราจะจ่ายเป็นก้อนทีเดียว หรือจะผ่อนจ่ายเป็นงวดๆ เพราะค่าเทอมที่นี่ก็แพงอยู่พอประมาณค่ะ ยิ่งเราเป็นนักเรียนต่างชาติ ค่าเทอมยิ่งแพงกว่านักเรียนอเมริกันหรือนักเรียนอเมริกันที่มาจากต่างรัฐ
ตารางข้างล่างนี้ เป็นตัวอย่างค่าเทอมของ NOVA Community College ใน Virginia ที่นี่จะรับสอนวิชาพื้นฐานของแต่ละสาขา ในระดับปริญาตรี และอนุปริญาเท่านั้น เป็น college ของรัฐที่ดีแห่งหนึ่งค่ะ ส่วนราคาถ้าเทียบกับมหาลัยอื่นก็ถือว่าไม่แพง มาดูค่ะว่าราคาใร Spring semester 2014 ของที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง
ค่าเล่าเรียนต่อเทอมจะคิดเป็นหน่วยกิตค่ะ จาก “Per Credit” ในตารางข้างบน แสดงจำนวนเงินที่เราต้องจ่ายต่อ 1 เครดิต คำนวณมาจาก tuition + Technology Fee+ Facilities Fee + Student Activities Fee
สำหรับน้องๆที่จะมาเรียนปริญาตรีที่อเมริกา จำเป็นจะต้องลงเรียนอย่างต่ำ 12 หน่วยกิต เพื่อรักษาสถานะนักเรียน F-1 ไว้ (ที่มา http://www.american.edu/ocl/isss/F-1-immigration.cfm)
ตัวอย่าง หากน้องคนไหนตัดสินใจมาเรียนที่ NOVA ลงเรียนขั้นต่ำสุด คือ 12 หน่วย ดังนั้น ค่าเรียนเทอม spring นี้ก็คือ $350.5 x 12 = $4206 ซึ่งเมื่อเทียบกับคนอเมริกันที่เกิดและอาศัยใน Virginia เค้าจะจ่ายแค่ $153.25 x 12 = $1839 เท่านั้น!
Level of Study: Credit Hours Per Semester:
- Undergraduate or Undergraduate Certificate: 12 credit hours
- Graduate or Graduate Certificate: 9 credit hours
- Master of Business Administration: 9 credit hours
- Master of Laws (LLM): 8 credit hours
- J.D.: 12 credit hours
สำหรับปริญญาโท แม้จำนวนหน่วยกิตขั้นต่ำจะกำหนดได้น้อยกว่า แต่ราคาต่อหน่วยกิตจะสูงมาก ไม่ต่ำกว่า $600 ต่อหนึ่งหน่วยกิตค่ะ
ราคาของหน่วยกิต ก็จะขึ้นอยู่กับสาขาที่เรียนด้วย หากเป็นพวกออกแบบ ดนตรี จะค่อยข้างแพงมาก หน่วยกิตหนึ่งจะสูงกว่า $1000 ขึ้นไปค่ะ
หากใครสนใจเป็นนักเรียน F-1 ในอเมริกา หาข้อมูลที่นี่เลยค่ะ
- การเตรียมตัวเพื่อเป็นไปเป็นนักเรียน F-1 ในอเมริกา ตอนที่1
- การเตรียมตัวเพื่อเป็นไปเป็นนักเรียน F-1 ในอเมริกา ตอนที่2
- ชีวิตต้องสู้! เมื่อมาเรียนต่อในอเมริกา ตอนที่1
- ชีวิตต้องสู้! เมื่อมาเรียนต่อในอเมริกา ตอนที่2
ค่าหนังสือเรียน
ค่าหนังสือที่อเมริกานี้ก็แพงมิใช่น้อย ยิ่งถ้าเรามาใหม่ๆ ไม่รู้เรื่องอะไรมากนัก ก็จะซื้อหนังสือใหม่ในร้านขายหนังสือมหาลัย ซึ่งเค้าขายในราคาเต็ม วิชาหนึ่งอาจใช้ถึงสามสี่เล่ม บางเล่มสามารถแพงได้ถึง $70-$80 ทีเดียว ดังนั้นเราอาจจะต้องใช้ทางเลือกอื่น คือการ ซื้อหนังสือมือสองออนไลน์ในอเมริกา ตามลิงค์เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยค่ะ การซื้อหนังสือมือสองแบบออนไลน์นี้ ค่าใช้จ่ายในเรื่องหนังสือเรียน จะถูกลง 20% – 80% เลยทีเดียวค่ะ
ค่าเช่าบ้านหรือค่าหอพัก
ส่วนค่าใช้จ่ายหลักที่รองลงมาจากค่าเทอมก็คือ ค่าเช่าบ้านหรือค่าหอค่ะ บางมหาลัยที่นี่เค้าจะบังคับให้อยู่ข้างในหอของมหาลัยปีแรก นั่นคือบังคับในระดับปริญญาตรีตอนปีที่หนึ่ง ดังนั้นนักเรียนที่อยู่หอก็ล้วนแต่จะเป็นนักเรียนปีหนึ่งทั้งนั้น เหตุผลที่เค้าบังคับก็เพราะว่าจะได้รู้จักเพื่อนๆในระดับเดียวกัน ได้ทำกิจกรรมร่วมกับนักเรียนคนอื่นๆด้วยค่ะ
ค่าหอในก็จะแพงหน่อย แต่ส่วนใหญ่แล้วถ้าอยู่หอในเค้าจะรวมค่าอาหารมาด้วยกันกับค่าที่อยู่ แล้วเราก็จะเลือกว่าเราจะเอาสองมื้อหรือสามมื้อต่อวันก็ได้ ซึ่งแต่ละมหาลัย แต่ละหอก็จะมีราคาที่ต่างกัน แต่รับรองว่าแพงกว่าการอยู่ข้างนอกแคมปัสถึงสองเท่าแน่นอน
พอหลังจากปีแรกหรือสองปีแรกที่อยู่ข้างในมหาลัย เราก็สามารถออกมาหาห้องพักเองได้ ซึ่งค่าเช่าก็จะถูกลงนิดหน่อย แต่ค่ากินนี่จะถูกลงครึ่งต่อครึ่งเลยค่ะ และเราก็จะสามารถเลือกกินอาหารชาติไหนก็ได้ เพราะข้างนอกอาหารจะราคาพอๆกัน หรือถ้าเราอยากจะทำอาหารเองก็ เราก็สามารถซื้ออาหารเก็บมาทำเป็นอาทิตย์ ถ้าแบบนั้นก็จะยิ่งถูกลงอีกเพราะเราจะไม่ต้องทิปคนเสริฟ
การเดินทาง
หากเมืองที่เราได้ไปศึกษาต่อมีระบบการขนส่งที่ดี อย่างเช่น NewYork หรือ Washinton DC area เราสามารถใช้รถไฟฟ้าใต้ดินได้สบายมาก ซื้อเป็นบัตรเติมเงินทีเดียว ใช้ได้เรื่อยๆจนเงินหมดก็เติมใหม่ค่ะ สามารถใช้กับรถโดยสารประจำทาง รถไฟใต้ดิน และรูดค่าจอดรถที่สถานีรถไฟฟ้าได้ด้วยค่ะ
ข้างล่างเป็นตัวอย่างค่าใช้จ่ายของรถไฟฟ้าใน NewYork (ที่มา:http://web.mta.info/nyct/fare/FaresatAGlance.htm)
Base Fare – $2.50 Subway and Local Bus (Reduced-Fare $1.25) Express Bus – $6.00 (Reduced-Fare $3.00 off-peak only) |
7-Day Unlimited – $307-Day Express Bus Plus – $55 |
30-Day Unlimited – $112 | |
Pay-Per-Ride Bonus An additional 5% is added to your MetroCard with the purchase or addition of $5 or more. |
Single Ride ticket – $2.75 (No Reduced-Fare) Sold at vending machines only. Must be used within 2 hours; no transfers included. |
Fee for purchase of a new MetroCard – $1 Fee applies to each new MetroCard purchased at station booth, vending machine or commuter rail station. |
ส่วนใครสนใจอยากรู้ข้อมูลเรื่องรถประจำทาง ดูข้อมูลเพิ่มเติมทางนี้ได้เลยค่ะ การเดินทางในอเมริกาโดยรถบัส
ถ้าหากเราตัดสินใจซื้อรถ การเดินทางไปไหนก็จะสะดวกขึ้น แต่ค่าเดินทางก็จะเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ ค่าใช้จ่ายที่จะต้องเพิ่มขึ้นมาก็จะมี ค่าน้ำมัน, ค่าประกันรถ, ค่าEmission และ Inspection, ค่าบำรุงรักษาทั่วไปของรถ เช่นค่าเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเป็นต้น
รถมือสองที่นี่ถ้าเทียบคุณภาพกับเมืองไทยแล้ว จะสามารถซื้อได้ในราคาที่ถูกกว่าด้วย เพราะฉะนั้นก็อยู่ที่ความคิดของแต่ละคนว่าอยากจะมีค่าใช้จ่าย อยากมีภาระเพิ่มหรือเปล่าในการดูแลรถ แต่จะสามารถไปไหนมาไหนได้สะดวกขึ้น ไม่ต้องคอยอาศัยคนอื่นหรือรอรถสาธารณะค่ะ
หากใครต้องการซื้อรถในอเมริกา ควรหาข้อมูลเพิ่มเติมทางนี้เลยค่ะ
- ซื้อรถในอเมริกา
- การเดินทางในอเมริกาโดยใช้รถยนต์
- วิธีการตรวจเช็คสภาพรถก่อนตัดสินใจซื้อรถในอเมริกา
- Emission และ Inspection สำคัญอย่างไร
- การเดินทางในอเมริกาโดยรถบัส
- ซื้อประกันรถในอเมริกา
ค่าโทรศัพท์
หากเราอยู่ในอเมริกาเป็นปี แน่นอนว่าโทรศัพท์ค่อนข้างจำเป็นเลยค่ะ เผื่อมีเหตุฉุกเฉิน หรือมีเหตุเร่งด่วนอะไร เราก็ยังมีโทรศัพท์ไว้ใช้ในยามจำเป็น ในระยะสั้น เราสามารถซื้อเป็น prepaid phone ไว้ใช้ได้เลย โดยไม่ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ หรือสัญญาอะไรทั้งสิ้น
นอกจากนี้ ใครมีไอโฟน unlocked ก็เอามาโลดค่ะ ที่นี่มีซิมการ์ดขายที่ Walmart ราคาแค่ 25 เหรียญ ทุกอย่าง unlimited (talk, text, web) ค่าบริการรายเดือนตกเดือนละ $40 นิดๆเท่านั้น (AT&T), หรือ AT&T GoPhone Sim Card เพียง 9 เหรียญกว่า จ่ายแบบเติมเอาเองเมื่อต้องการใช้
การใช้โทรศัพท์ในอเมริกาไม่ว่าจะโทรออกหรือรับสายเข้าก็จะถูกคิดนาทีทั้งหมด (ต่างจากเมืองไทยที่คนรับสายไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและไม่โดนหักจำนวนนาทีด้วย) ดังนั้นคนที่มาอเมริกาใหม่ๆ ต้องระวังนะค่ะ เพราะถ้าโทรเกินจำนวนนาทีที่กำหนดไว้ แล้วหละก็ จะต้องเสียค่าธรรมเนียมเยอะค่ะ เจอมากับตัวแล้ว ใน 2 เดือนแรกที่เปิดใช้บริการ เรียกได้ว่าเม้าท์กระจาย ต้องเสียค่าธรรมเนียมเกือบหลายร้อยดอลค่ะ
สามารถอ่านต่อรายละเอียดเรื่องการค่าใช้จ่ายโทรศัพท์ได้ที่ link ข้างล่างเลยค่ะ
สถาบันสอนภาษาราคาไม่แพงใน Downtown Los Angeles .CA สมัครขอ I-20 ง่ายๆไม่ยุ่งยากโดยตรงกับเจ้าพนักงานคนไทยค่ะ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ nicky@lascusa.com
http://www.lascusa.com
เรียนเมืองไทยดีสุด มีคุณภาพและถูกกว่า ใกล้ชิดกับแหล่งงานมากกว่าเอาตัวเองไปลำบากอยู่ต่างประเทศ
บริษัทต่างชาติในไทยก็ไม่ใช่บริษัทอังกฤษ เป็นพวกบริษัทญี่ปุ่นจำนวนมาก คนทำงานกลุ่มหนึ่งต้องไปเรียนภาษาญี่ปุ่นไม่ใช่อังกฤษ