สัพเพเหระในอเมริกา

ชีวิตประธานาธิบดีอเมริกากับค่าแรงแสนถูก

ชีวิตประธานาธิบดีอเมริกากับค่าแรงแสนถูกชีวิตประธานาธิบดีอเมริกากับค่าแรงแสนถูก- พูดถึงเรื่องอาชีพการงานแล้ว ตำแหน่งที่ดูมีเกียรติมีศักดิ์ศรี และเป็นที่ยอมรับสูงสุด เห็นจะเป็นตำแหน่ง ประธานาธิบดีอเมริกานี่แหละค่ะ คนที่อยู่ในตำแหน่งที่ว่านี้ ถือเป็นบุคคลสำคัญไม่ใช่เพียงแค่ในประเทศอเมริกา แต่ยังเป็นที่น่าเกรงขามและเป็นที่จับตามองของคนทั่วโลกอีกด้วย

แต่เบื้องลึกเบื้องหลังของบุคคลที่ครองตำแหน่งอันแสนทรงเกียรตินี้ ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบนะคะ หลายต่อหลายคน ปรากฏว่าเคยเป็นบุคคลธรรมดาที่เห็นได้ตามท้องถนนทั่วไป บากบั่นหาเลี้ยงชีพด้วยค่าแรงขั้นต่ำในระยะเริ่มก่อร่างสร้างตัว ต่อมาด้วยปัจจัยและเหตุอันเหมาะสม ทำให้บุคคลเหล่านี้มีช่องทางและโอกาสทางการเมือง ไต่เต้าขึ้นมาจนมีอาชีพที่ผู้คนยอมรับมากที่สุด ก็คือประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานี้เอง
มีข่าวจากอเมริกาว่าไม่นานมานี้ ประธานาธิบดีบารัก โอบามาได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารฉบับหนึ่ง เกี่ยวกับค่าแรงที่เขาเคยได้รับจากงาน 4 อาชีพแรกในชีวิต ที่มีอัตราใกล้เคียงค่าแรงขั้นต่ำ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Credit photos: pinterest.com

“โอบามา” เคยเป็น “มือตักไอติม”

นายโอบามา เปิดเผยว่า เขาเคยทำงานเป็นคนตักไอติมที่บัสกิน-ร็อบบิ้นส์ เคยเป็นช่างทาสี เป็นเด็กเสิร์ฟที่สถานที่พักผู้ป่วยแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ยังเคยใช้เวลาช่วงปิดเทอมขณะเรียนที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ทำงานเก็บกวาดในไซต์งานก่อสร้าง

การเป็นประธานาธิบดี ถือเป็นอาชีพที่มีรายรับสูง เมื่อเทียบกับประชาชนส่วนใหญ่ของสหรัฐ แต่ประธานาธิบดีโอบามาไม่ใช่ผู้นำประเทศเพียงคนเดียวนะคะ ที่เคยมีประสบการณ์ทำงานหนักเพื่อแลกค่าแรงถูก

มาดูกันว่ามีอดีตประธานาธิบดีสหรัฐคนไหนอีกที่เคยทำงานแลกค่าแรงต่ำมาแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

Credit Photos : idealistpropaganda.blogspot.com , motherhood.vice.com

 

“โรนัลด์ เรแกน” กับงาน “กู้ชีพ-มือล้างจาน”

อดีตประธานาธิบดี โรนัลด์ เรแกน (ประธานาธิบดีคนที่ 40 ปี 2524- 2532 ) เคยเป็นหน่วยกู้ชีพ ในช่วงฤดูร้อน ขณะเขาเรียนชั้นมัธยม ที่เมืองดิกซอน รัฐอิลลินอยส์ โดยมีสถิติว่า เขาเคยช่วยชีวิตคนไว้ได้ 77 คน ต่อมา เมื่อเขาเข้าเรียนที่ ยูเรก้า คอลเลจ โดยได้ทุนบางส่วนจากการเป็นนักกีฬาอเมริกันฟุตบอล และหาเงินอีกส่วนหนึ่งจากการเป็นคนล้างจานที่หอพักชายของมหาวิทยาลัย

ปี 2475 หลังจบการศึกษา นายเรแกนทำงานเป็นโฆษกรายการกีฬาทางวิทยุ ที่เมืองดาเวนพอร์ต รัฐไอโอวา โดยสถานีวิทยุจ่ายค่าแรงให้เขา 10 ดอลลาร์ต่อกีฬา 1 นัด (อัตราเทียบเงินเฟ้อในปี 2557 เท่ากับ 174 ดอลลาร์) จากนั้น อดีตประธานาธิบดีจึงเข้าสู่เส้นทางฮอลลีวูด

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Credit Photos : pdxretro.com , theblaze.com

“เจอร์รัล ฟอร์ด” กับงาน “ปิ้งเบอร์เกอร์”

อดีตประธานาธิบดี เจอร์รัล ฟอร์ด (ประธานาธิบดีคนที่ 38 ปี 2517 – 2520) เคยช่วยงานพ่อเลี้ยงเป็นช่างทาสี และทำงานเป็นคนปิ้งเบอร์เกอร์ในร้านอาหารท้องถิ่น ขณะยังเรียนอยู่ชั้นมัธยม นอกจากนี้ เขายังชอบเล่นอเมริกันฟุตบอลมาก ได้เล่นตำแหน่งเซ็นเตอร์ขณะเรียนที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน จนมีทีมมาติดต่อขอเซ็นสัญญาให้เป็นนักกีฬา แต่เขาปฏิเสธ เพราะอยากมุ่งมั่นเรียนกฎหมาย แต่ระหว่างนั้น ช่วงปี 2478 เขาทำงานเป็นผู้ช่วยโค้ชอเมริกันฟุตบอลของทีมมหาวิทยาลัยเยล มีรายได้ 2,400 ดอลลาร์ต่อปี (อัตราเทียบเงินเฟ้อในปี 2557 เท่ากับ 42,676 ดอลลาร์)

นอกจากนี้ นายฟอร์ดยังเป็นโค้ชมวย ซึ่งรายได้ส่วนนี้ช่วยให้เขาชำระหนี้ที่มีและเป็นทุนเข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเยลได้ในปี 2481

Credit Photos : Wikipedia, AP Images , CNN Money

เฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์”เฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์” กับงาน “เหมืองใต้ดิน”

อดีตประธานาธิบดี เฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์ (ประธานาธิบดีคนที่ 31 ปี 2472 – 2476) เคยร่วมหุ้นกับเพื่อนตั้งบริษัทขายและซ่อมจักรเย็บผ้า เมื่อเขายังเป็นวัยรุ่น แต่ธุรกิจล้มเหลว จากนั้น ปี 2434 เขาเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ที่เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ ซึ่งต้องจ่ายค่าหอพักและหนังสือ นายฮูเวอร์จึงทำธุรกิจซักแห้งจนทำให้เขาเรียนจบโดยไม่มีหนี้ และมีเงินเก็บอีก 40 ดอลลาร์

หลังจบการศึกษา นายฮูเวอร์ทำงานเป็นคนเข็นรถในไซต์ใต้ดินของเหมืองแห่งหนึ่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ค่าแรงวันละ 2 ดอลลาร์  (อัตราเทียบเงินเฟ้อในปี 2557 เท่ากับวันละ 56 ดอลลาร์) ทำงาน 70 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

 

Credit Photos : Wikipedia, AP Images , CNN Money

“ริชาร์ด นิกสัน” กับงาน “จัดซื้อ”

อดีตประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน (ประธานาธิบดีคนที่ 37 ปี 2512 – 2517) เขาเติบโตมาในครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยแต่อย่างใด ครอบครัวของเขามีปัญหาการเงิน เนื่องจากธุรกิจไร่มะนาวของพ่อแม่ล้มเหลว จากนั้น พ่อของเขาได้ทำธุรกิจปั๊มน้ำมันควบคู่กับร้านขายของชำในเมืองวิตเตอร์ รัฐแคลิฟอร์เนีย

ทุกๆ วัน นายนิกสันต้องตื่นแต่เช้าก่อนไปโรงเรียน เพื่อเข้าไปในตัวเมืองลอสแองเจลิส เพื่อคัดสรรของมาขายที่ร้านของครอบครัว ก่อนจะได้ทุนเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยดุ๊ก ในปี 2473

 

Credit Photos : Wikipedia, AP Images , CNN Money

“ลินดอน จอห์นสัน” กับงาน “ลูกทีมทัวร์คอนเสิร์ต”

อดีตประธานาธิบดี ลินดอน จอห์นสัน (ประธานาธิบดีคนที่ 36 ปี 2506 – 2512) ทำงานแปลกและหลากหลาย ช่วงหลังจบชั้นมัธยมปลาย เขากับเพื่อนอีก 5 คน ลงขันซื้อรถ และขับจากรัฐเท็กซัสไปยังรัฐแคลิฟอร์เนีย ช่วง 1 ปีเต็มนี้  เขาหารายได้จากอาชีพแปลกๆ นอกจากนี้ ยังเคยเป็นแรงงานในทีมทัวร์คอนเสิร์ต ที่เดินทางด้วยรถไปยังรัฐต่างๆ

ในปี 2470 นายจอห์นสันเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเซ้าต์ เวสต์ เท็กซัส สเตต เขาทำงานเป็นครูสอนในโรงเรียนของชาวฮิสแปนิก (Hispanic : กลุ่มคนที่ใช้ภาษาสแปนิช ซึ่งมีอยู่จำนวนมากในสหรัฐ) ซึ่งโรงเรียนดังกล่าวอยู่ในย่านสลัม หลังจากนั้น ปี 2473 เขาเป็นครู รับรายได้ปีละ 1,530 ดอลลาร์ (อัตราเทียบเงินเฟ้อในปี 2557 เท่ากับ 21,796 ดอลลาร์) แต่เป็นครูเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนจะเข้าไปทำงานเป็นผู้ช่วยที่สภาคองเกรส

 

Credit Photo : Wikipedia, Getty Images , CNN Money

“จิมมี่ คาร์เตอร์” กับงาน “ชาวไร่”

อดีตประธานาธิบดีจิมมี่ คาร์เตอร์ (ประธานาธิบดีคนที่ 39 ปี 2520 – 2524) ในวัยเด็ก เมื่อเขาอายุ 10 ปี ก็เริ่มช่วยงานในไร่ถั่วลิสง โดยทำหน้าที่ขนผลผลิตไปขายในเมือง

หลังจากนั้น เมื่อเขาไปเรียนที่วิทยาลัยทหารเรือ และเป็นทหารเรืออยู่หลายปี เขาก็กลับมาทำไร่ของครอบครัว หลังพ่อเสียชีวิต ไร่ของครอบครัวเขาประสบวิกฤตแห้งแล้งในปี 2497 ทำให้ครอบครัวมีกำไรจากการทำไร่ในปีนั้นเพียง 187 ดอลลาร์ (อัตราเทียบเงินเฟ้อในปี 2557 เท่ากับ 1,654 ดอลลาร์) จากนั้น นายคาเตอร์ก็พลิกไร่ของครอบครัวให้ทำรายได้ดีก่อนก้าวเข้าสู่เวทีการเมือง

Credit Photo : Wikipedia, AP Images , CNN Money

“บิล คลินตัน” กับงาน “เสมียนรัฐสภา”

อดีตประธานาธิบดี บิล คลินตัน (ประธานาธิบดีคนที่  42 ปี 2536 – 2544) เคยบอกไว้ว่า เขากังวลมากว่าจะมีหนี้ในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ แต่เขาได้รับทุนและเงินพ่อแม่มาช่วย ต่อมา เขาก็ได้งานเป็นเสมียนให้กับคณะกรรมาธิการด้านความสัมพันธ์ต่างประเทศให้กับรัฐสภาสหรัฐฯ ซึ่งมีรายได้ 3,500 ดอลลาร์ ต่อปี  (อัตราเทียบเงินเฟ้อในปี 2557 เท่ากับ 25,699 ดอลลาร์)

การได้งานนี้ ทำให้เขาโล่งใจอย่างมาก เพราะเขากลัวว่าต้องเลิกเรียนกลางคัน และต้องกลับไปเรียนที่มหาวิทยาลัยในบ้านเกิด เพราะค่าเล่าเรียนถูกกว่า

Credit Photo : Wikipedia, Getty Images , CNN Money

“จอร์จ เอช. ดับเบิลยู. บุช” กับงาน “เสมียน”

อดีตประธานาธิบดีจอร์จ เอช. ดับเบิลยู. บุช (ประธานาธิบดีคนที่ 41 ปี 2532 – 2536) ค่อนข้างแตกต่างจากประธานาธิบดีทั้ง 8 คนที่ได้พูดถึงมา เพราะเขาเกิดมาในครอบครัวที่ไม่เดือดร้อนเงินทองแต่อย่างใด ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาจบจากมหาวิทยาลัยเยล เขาเริ่มต้นเป็นสเมียนของบริษัทขุดเจาะน้ำมัน ด้วยสายสัมพันธ์ของครอบครัว เนื่องจากเพื่อนของพ่อเขาเป็นเจ้าของบริษัทนี้ ขณะนั้น นายบุชได้เงินเดือน 375 ดอลลาร์ (อัตราเทียบเงินเฟ้อในปี 2557 เท่ากับ 3,748 ดอลลาร์)

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ทำงานนี้นานนัก ในที่สุด ปี 2493 เขาก็ตั้งบริษัทน้ำมันของตนเอง โดยมีเพื่อนเป็นหุ้นส่วน ต่อมาบริษัทดังกล่าวได้ควบกิจการกับบริษัทซาปาตา ปิโตรเลียม

หนทางสู่อาชีพของบรรดา “ประธานาธิบดี” อเมริกัน ไม่ได้ลอยลงมาจากฟ้า ต่างก็ต้องเริ่มต้นด้วยการทำงานหนักไม่น้อย!


ขอขอบคุณที่มา: http://www.prachachat.net

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *