ปาร์ตี้วันเกิด เด็กอเมริกัน
สวัสดีจ้า… กลับมาพบกันอีกครั้งกับประสบการณ์หรรษาจิปาถะของสาวน้ำตาลเจ้าเก่า ในวันนี้น้ำตาลมีประสบการณ์ดีๆจากการที่เคยจัดปาร์ตี้งานวันเกิดให้ เด็กอเมริกัน อายุ 7 ปีในสมัยที่ยังเป็นAu Pairให้เพื่อนๆได้ฟังกันนะคะ
คงจำกันได้ว่าตอนที่น้ำตาลยังเป็น Au Pair น้ำตาลได้เป็นพี่เลี้ยงให้น้องทั้งหมด 3 คน ซึ่งเมื่อไปถึงบ้านโฮสได้เพียงสัปดาห์เดียว น้ำตาลก็ได้รับภารกิจพิเศษครั้งแรกนั่นคือภารกิจจัดปาร์ตี้วันเกิดอายุครบ 7 ขวบให้น้องคนโตค่ะ
ก่อนถึงวันงานประมาณ 1 สัปดาห์ ครอบครัวของเรา จึงมานั่งประชุมกัน ว่าจะใช้สถานที่ไหนในงานจัดงาน สุดท้ายผลสรุปออกมาว่า เป็น “โรงภาพยนตร์” ใกล้บ้าน เพราะที่นั่นมีห้องให้เช่าสำหรับจัดปาร์ตี้ด้วย จำได้ว่าในครั้งนั้น โฮสได้จองแพคเกจแบบเหมาตั๋วชมภาพยนตร์สำหรับ 20 คนขึ้นไปมา แต่ก็ไม่รู้ว่าโฮสจ่ายไปเท่าไหร่ เพราะเขาไม่ได้บอกเรา ซึ่งในแพคเกจนั้น ให้พิซซ่าถาดใหญ่ 2 ถาด กับป๊อบคอร์นถังใหญ่หนึ่งถังด้วย
เมื่อจองสถานที่เรียบร้อยแล้ว เราก็ช่วยกันทำการ์ดเชิญค่ะ โดยแขกที่เราจะเชิญก็คือเพื่อนของน้องคนโต ทั้งหมด 15 คน แต่เมื่อเราได้ทำการเชิญไปแล้ว มีเพียง 13 คน ที่ตอบรับว่าสามารถมาร่วมงานได้ ซึ่งก็ถือว่าอยู่มนเกณฑ์ที่น่าพอใจ เพราะถ้ารวมสมาชิกในครอบครัวของเราเข้าไปแล้วก็ถือว่ายังไม่เกินโควตาค่ะ
กำหนดการของวันงานคร่าวๆก็คือ ครอบครัวของเราจะไปที่โรงภาพยนตร์เพื่อจะที่จัดสถานที่กันก่อน ตั้งแต่ประมาณบ่ายโมงตรง เวลาบ่ายสองเราจะพาแขกทุกคนไปดูหนังด้วยกันในโรงภาพยนตร์ บ่ายสามโมงครึ่งเมื่อหนังจบแล้ว ก็จะเคลื่อนพลมาที่ห้องปาร์ตี้เพื่อเป่าเค้กร้องเพลงแฮปปี้เบิธเดย์และทำกิจกรรมอื่นร่วมกัน จากนั้นจึงเป็นอันว่าเสร็จพิธีจ้า
เมื่อถึงวันงานจริงๆ ในตอนเช้าน้ำตาลจึงเตรียมอุปกรณ์ต่างๆขึ้นรถ ซึ่งได้แก่ ลูกโป่ง ถังแก๊สที่ใช้สูบลูกโป่งสวรรค์ กรรไกร ริบบิ้น ช้อนส่อม แก้วน้ำ เครื่องดื่มสำกรับทุกคน ของขวัญขอบคุณสำหรับเด็กๆที่จะมาร่วมงาน และสิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยนั่นก็คือ เกมส์หรือกิจกรรมที่เราจะทำร่วมกันในห้องจัดงานปาร์ตี้ค่ะ
ภายหลังที่รับทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อยกันแล้ว ครอบครัวของเราก็พร้อมที่จะลุยจ้า เวลาบ่ายโมงตรงเราจึงเข้าไปจัดสถานที่ในห้องปาร์ตี้ของโรงภาพยนตร์ที่ได้จองไว้ การจัดก็ง่ายๆค่ะ แค่ทำให้ในห้องมีโต๊ะยาวสำหรับ 20 คนเพียงโต๊ะเดียว จากนั้นจึงทำลูกโป่งสวรรค์ ปล่อยไว้ตามมุมต่างๆให้ทั่วห้องและผูกไว้ตามพนักเก้าอี้ของเด็กๆให้ดูมีมิติและลดหลั่นกันไป
และอาจใช้การสลับสีเพื่อเพิ่มความสนุกสนานให้มากขึ้น จากนั้นจึงวางจานช้อนที่จะใช้เตรียมไว้ให้เรียบร้อย อีกทั้งน้ำตาลยังได้ใช้ความสามารถในการพับกระดาษ พับกระดาษทิชชู่เป็นรูปดอกไม้ ปลาโลมา หรือเสื้อเชิ๊ตซึ่งช่วยเพิ่มสีสันบนโต๊ะจัดเลี้ยงให้น่าสนใจขึ้นมาก
พอถึงใกล้เวลาบ่ายสองโมง น้ำตาลกับโฮสแม่และน้องคนโตก็ออกไปยืนรับเด็กๆที่จะมาร่วมงานข้างหน้าทางเข้าของโรงภาพยนตร์กันค่ะ ซึ่งในวันนั้นเด็กๆมาตรงเวลากันทุกคนเลยซึ่งต้องขอขอบพระคุณผู้ปกครองของพวกเขาด้วยที่เห็นความสำคัญของเรื่องการรักษาเวลา เพราะถ้ามีเด็กมาผิดเวลาอย่างน้อยแค่สักคนเดียว น้ำตาลอาจหัวหมุนเอาได้
ก่อนจะพาเด็กๆเข้าชมภาพยนตร์น้ำตาลก็ทำการแนะนำตัวเองกับน้องๆและบอกข้อตกลงเบื้องต้นกันก่อนเพื่อจะได้ง่ายต่อการดูแลให้ทั่วถึง ตัวอย่างเช่น ถ้ามีใครเกิดปวดห้องน้ำก็ต้องมาขออนุญาติและให้น้ำตาลเป็นคนพาไป หรือถ้าถ้ามีใครพลัดหลงไปเราจะสามารถหากันจนเจอได้ที่ไหน เป็นต้น
ซึ่งน้องทุกคนก็เชื่อฟังเป็นอย่างดีเพราะโตๆกันแล้ว มีเพียง 2 คนที่อายุน้อยกว่าใครเพื่อนนั่นก็คือน้องชายคนกลางที่อายุ 3 ขวบปลายๆกับน้องชายของเพื่อนน้องคนโตที่อายุเพิ่งจะ 3 ขวบ แต่ในเวลานั้นเด็กหนุ่มน้อยทั้งคู่ก็ดูเรียบร้อยน่ารักนั่นคงเป็นเพราะอยากจะเข้ากลุ่มกับพวกพี่ๆได้
เมื่อภาพยนตร์ฉายไปได้สักพักความยุ่งยากก็เริ่มก่อตัวขึ้น เพราะน้องคนกลางชักจะนั่งไม่ติดที่และ ลุกยืนบนเก้าอี้บ้างวิ่งไปหาพี่คนโน้นคนนี้บ้าง และวันนั้นเราดูหนังเรื่อง The Lorax กันค่ะ ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่ Popular ในช่วงเวลาดังกล่าวมาก ในรอบนั้นคนในโรงภาพยนตร์จึงเยอะมากจนแทบไม่มีที่นั่งว่างให้เห็นเลยก็ว่าได้
น้องคนกลางก็เริ่มงอแงค่ะ เพราะเห็นว่าโฮสแม่ใส่ใจดูแลแต่พวกพี่ๆ พาเด็กๆบางคนไปห้องน้ำเอย หยิบขนมป้อนบ้างเอย เจ้าตัวก็เลยพยายามเรียกร้องความสนใจโดยการซักไซ้ถามโน่นถามนี่ไปเรื่อยหรือไม่ก็ร้องเรียกโฮสแม่เสียงดังให้มาสนใจแต่ที่ตัวเองอยู่ตลอดเวลา
พอโดนโฮสแม่เอ็ดเข้าให้เจ้าตัวเลยลุกขึ้นวิ่งลงบันไดเพื่อจะออกไปทางด้านนอก ดีที่น้ำตาลวิ่งตามไปรั้งตัวไว้ทันจึงไต่ถามว่าจะไปไหน เจ้าตัวยุ่งทำอิดออดอยู่ชั่วครู่แล้วพูดอ้อมแอ้มว่าอยากไปห้องน้ำ น้ำตาลจึงส่งสัญญาณให้โฮสแม่รู้ก่อนจะพาน้องเดินออกไป
พอไปถึงทางเข้าหน้าห้องน้ำก็เป็นเรื่องขึ้นมาอีกเมื่อน้ำตาลจะจูงแขนน้องเข้าห้องน้ำหญิง แต่เจ้าตัวยุ่งแข็งขืนเอาไว้และบอกว่าตัวเองเป็นผู้ชายดังนั้นจึงเข้าห้องน้ำหญิงไม่ได้ แหน่ะ!! รู้เยอะอีก ตอนแรกน้ำตาลก็ไม่ยอมค่ะนั่นเป็นเพราะนี่คือครั้งแรกที่น้ำตาลต้องพาน้องมาเข้าห้องน้ำสาธารณะ และน้ำตาลเองก็ไม่กล้าเข้าไปห้องน้ำชายด้วยซึ่งถ้าจะปล่อยน้องเข้าไปคนเดียวก็รู้สึกลำบากใจ
แต่สุดท้ายน้ำตาลก็จำยอมปล่อยมือเจ้าตัวยุ่งไปนั่นก็เพราะเจ้าตัวบอกว่าชักจะกลั้นปวดไม่ไหว เราจึงทำได้แค่ยืนด้อมๆมองๆที่หน้าประตูเหมือนพวกโรคจิตเลยค่ะ >.< สุดท้ายจึงวางใจได้เมื่อเห็นศรีษะเล็กๆโผล่มาตรงอ่างล้างมือ แต่พอเจ้าตัวแสบเดินออกมาก็ยังมีหน้ามาอวดน้ำตาลอีกว่า “ I already washed my hand by myself!!”
เอาล่ะ!! กลับมานั่งในโรงภาพยนตร์กันต่อ แต่ครั้งนี้น้ำตาลยังไม่ทันได้นั่งอย่างสบายใจเลยค่ะ น้องคนกลางก็ร้องเรียกโฮสแม่เสียงดังอีกครั้ง คราวนี้เจ้าแสบเดินไปอ้อนขอออกไปหาโฮสพ่อที่ห้องปาร์ตี้ ช่วงแรกๆตอนน้ำตาลกับโฮสแม่พยายามพูดหว่านล้อมก็ดูเหมือนจะยอมฟังแต่โดยดี
แต่ไม่ทันไรก็เหมือนระเบิดลงดังตู้ม!!เลยค่ะ เมื่อเจ้าแสบอยู่ดีๆก็ไปปีนป่ายบนเก้าอี้แล้วกระโดดร้องเรียกหม่ามี้ๆ ซ้ำๆอยู่อย่างนั้นจนคนทั้งโรงภาพยนตร์หันมามอง พอโดนโฮสแม่จับดึงลงมาเจ้าตัวก็ล้มตัวลงไปนอนชักดิ้นชักงอที่พื้นแถมยังร้องไห้โยเยอยู่อย่างนั้นไม่ยอมหยุด ร้อนถึงนางพี่เลี้ยงต้องกลายร่างเป็นซูเปอร์ฮีโร่อุ้มเจ้าตัวแสบวิ่งโร่ออกไปโดยไว
น้ำตาลพาน้องมาหาโฮสพ่อที่ห้องปาร์ตี้ค่ะ พากันมาแบบชุดกระชากลากถูสุดๆ แต่พอเปิดประตูห้องปาร์ตี้เข้าไปแล้วเห็นโฮสพ่อยืนสูบลูกโป่งอยู่เจ้าแสบกลับมีที่ท่าสงบลงอย่างน่ามหัศจรรย์ โฮสพ่อก็แปลกใจและเอ่ยถามว่าทำไมถึงออกมาก่อนทั้งๆที่หนังยังฉายไม่จบหรือหนังที่ดูไม่สนุกหรือ?
น้ำตาลก็ได้แค่ยิ้มแหยๆแล้วจึงโบ้ยให้ไปถามลูกชายของเขาเอง แต่เจ้าแสบกลับทำหูทวนลมเดินเฉิดฉายไปคล้องแขนแดดดี้แบบเอาอกเอาใจพร้อมกับถามด้วยเสียงน่ารักว่า “Daddy… What are you doing? Do you need help?” ในตอนนั้นในใจน้ำตาลก็แบบ เฮ้ย!! นี่มันใช่คนเดียวกันกับเมื่อกี้จริงๆรึเปล่าวะเนี๊ย?
ในขณะที่ช่วยโฮสพ่อทำลูกโป่งไปได้ไม่เท่าไหร่ เจ้าแสบก็เหมือนจะเริ่มเบื่อและบอกโฮสพ่อว่าตัวเองควรจะไปนั่งดูหนังกับพี่สาวให้จบเพราะไม่เช่นนั้นตัวเองอาจถูกโฮสแม่ทำโทษ (จ้าาา! เพิ่งมาคิดได้เอาตอนนี้นะคะคุณน้อง)
ณ ตอนนั้นน้ำตาลปฏิเสธเสียงแข็งเลยค่ะว่าไม่ให้ไปก็ตะกี้น้องเพิ่งจะไปสร้างวีรกรรมอื้อฉาวเอาไว้นี่คะ แต่เจ้าแสบเคยฟังซะที่ไหนเปิดประตูวิ่งแจ่นออกไปเลยจ้า ไอ้เราที่ยังช่วยโฮสพ่อสูบลมลูกโป่งอยู่ก็ปล่อยมือแทบไม่ทันแล้วก็วิ่งไล่ตามหลังเจ้าแสบออกไปทันที โชคดีค่ะที่หนังในโรงจบพอดีคนก็เลยทยอยเดินกันออกมา
เมื่อเห็นหน้าน้ำตาลโฮสแม่เลยมอบภารกิจใหม่ให้นั่นก็คือรับผิดชอบพาน้องคนโตกับเพื่อนๆของเธอส่วนหนึ่งเดินลงไปยังห้องจัดปาร์ตี้กันก่อน ส่วนโฮสแม่จะพาเด็กที่เหลือตามไปเองโดยเจ้าแสบก็ไม่ยอมไปพร้อมน้ำตาลค่ะเจ้าตัวยืนเกาะแขนโฮสแม่ไว้แน่น โฮสแม่จึงพยักหน้าให้น้ำตาลพาเด็กๆออกไปก่อนได้เลยไม่ต้องรอ
ซึ่งพอพวกเราทั้งหมดลงมายังห้องปาร์ตี้กันแล้วรวมทั้งโฮสแม่กับน้องๆที่เหลือทั้งหมด ก็ปรากฏว่า “เจ้าแสบหายตัวไป” ค่ะ น้ำตาลจึงต้องวิ่งออกไปตามหาน้องพร้อมกับกับโฮสแม่อย่างกระวนกระวาย ส่วนโฮสพ่อก็ต้องทำหน้าที่แก้ไขสถานการณ์ในห้องปาร์ตี้ไปพลางๆก่อน
สุดท้ายเราก็ไปเจอเจ้าจอมซนยืนร้องห่มร้องไห้อยู่ตรงทางออกประตูใหญ่ของโรงภาพยนตร์โน่นเลยค่ะ สงสัยตอนที่เดินออกมาเจ้าตัวคงจะเดินตามคนกลุ่มใหญ่ไปเรื่อยๆโดยไม่ได้มองว่าใครเป็นใครจนทำให้พลัดหลงกันกับโฮสแม่ ในใจของน้ำตาลในตอนนั้นก็นึกสงสารมากนะคะ แต่ถ้าไม่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเจ้าจอมซนก็คงไม่ได้รับบทเรียนอะไรดีๆกลับไป
หลังจากเราพาน้องกลับมายังห้องปาร์ตี้ได้แล้ว เราก็ทำพิธีเป่าเค้กกันเลยค่ะ เมื่อแจกจ่ายเค้กกันเสร็จก็ตามด้วยพิซซ่ากับป๊อปคอร์น จากนั้นจึงมีการเล่นเกมส์ “ของขวัญหรรษา” ร่วมกัน ซึ่งน้องๆนั้นนั่งเรียงกันเป็นวงอยู่แล้ว
อุปกรณ์ก็คือ ดนตรีจังหวะมันส์ๆสักเพลงหรือสองเพลง พร้อมกับห่อของขวัญห่อหนึ่ง ที่ภายในเราได้ห่อขนมหรือของเล่นเอาไว้ประมาณ 10 ชิ้นเป็นชั้นๆ หนึ่งชั้นมีของเล่น 1 ชิ้น และชั้นสุดท้ายหรือชั้นในสุดของห่อจึงจะเป็นรางวัลใหญ่หรือรางวัลพิเศษ ข้อควรระวังคือห่อของขวัญไม่ควรมีน้ำหนักเกินมากเกินไปจนทำให้ผู้เล่นถือไม่ไหว
ส่วนวิธีการเล่นนั่นก็คือ เมื่อเสียงดนตรีบรรเลงอยู่ให้ผู้เล่นส่งห่อของขวัญไปรอบๆวง ถ้าเสียงคนตรีเงียบลงแล้วถุงของขวัญอยู่บนมือของใคร ผู้เล่นคนนั้นก็สามารถแกะรับของรางวัลที่อยู่ภายในได้ 1 ชั้น เล่นไปเรื่อยๆจนกว่าห่อของขวัญจะถูกแกะออกทั้งหมด จึงถือว่าเป็นอันสิ้นสุดค่ะ
เมื่อใกล้เวลาปาร์ตี้เลิกประมาณ 5.00 PM ผู้ปกครองของแขกผู้มีเกียรติของเราทั้งหลายก็เริ่มทยอยกันมารับลูกหลานอย่างหน้าชื่นตาบาน โดยก่อนร่ำลากันเราก็มีของขวัญขอบคุณแจกให้สำหรับเด็กทุกคนที่มาร่วมงานค่ะ
การจัดงานในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ดีๆของน้ำตาลที่ต้องการนำมาเล่าสู่ให้เพื่อนๆได้ฟังกัน ดีไม่ดีประการใดก็ขอขอบคุณและขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย ไว้พบกันคราวหน้านะคะ สวัสดีเจ้าา >.<