ล่ากวางในอเมริกา (Deer Hunting)
ปาณาติปาตา… ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่คนที่เคร่งศาสนาสวดมนต์ก่อนนอนทุกคืน แต่ก็ไม่เคยคิดเบียดเบียนผู้อื่นนะคะ บังเอิญว่ามีเรื่องผิดศีลข้อที่หนึ่งจะมาเล่าให้ฟัง แต่ก็เป็นประสบการณ์น่าสนใจค่ะ วันนี้จะพูดเกี่ยวกับการล่าสัตว์ ก็คือการ ล่ากวางในอเมริกา นี่เองค่ะ
เหตุผลก็เพราะอยากจะเสนอมุมมอง และแง่คิดที่อยู่เบื้องหลังวัฒนธรรมของนักล่าสัตว์ที่ดีในประเทศนี้ค่ะ ต้องบอกก่อนนะคะ ว่าการล่ากวางหรือการล่าสัตว์นี่ก็ไม่ใช่กิจกรรมของชาวอเมริกันทุกคน บางคนก็ชอบและต้องไปทุกปีหรือทุกฤดูที่มีโอกาส บางคนก็อยากไปแต่ไม่เคยไปเพราะเหตุผลอื่นๆต่างๆกันไป บางคนก็ไม่สนับสนุนค่ะ แต่จากประสบการณ์ส่วนตัวที่ไปมาพอดีได้มีโอกาสไปกับนักล่าที่มีความคิดในแบบดั้งเดิม จึงทำให้มีโอกาสเรียนรู้ในแง่มุมที่แตกต่างจากการล่าเพื่อความสนุกสนานค่ะ
จากประสบการณ์ที่ไปล่ากวางมาก็เคยไปแต่ที่รัฐ Wisconsin ค่ะ เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่าคนใกล้ตัวมาจากเมืองเล็กๆแห่งนึงในรัฐนั้น คุณพ่อของสามีและเพื่อนๆของครอบครัวก็เป็นนักล่ากันทุกคน เขาบอกว่าการล่าไม่ได้ผิดอะไรเพราะเราต้องการอาหารเพื่อดำรงชีพ หากเมื่อไหร่ก็ตามที่ล่าเพราะความสนุกและทิ้งขว้างอาหารเมื่อนั้นแหละที่ผิด
เขายังบอกอีกว่าเมื่อเห็นซากสัตว์ก็ไม่ควรคิดกลัวในทางกลับกัน เมื่อยิงให้เขาล้มและสิ้นใจแล้วก็ควรให้ความเคารพเขา และขอบคุณพระเจ้าที่ประทานอาหารให้แก่เราและครอบครัว ค่ะทุกๆคนรอบๆตัวเขาเป็นชาวคริสต์ค่ะเขาก็เลยพูดถึงพระเจ้า
ทุกปีฤดูล่ากวางในรัฐ Wisconsin จะเริ่มในเดือนพฤศจิกายนค่ะ ในเดือนนั้นก็จะแบ่งออกเป็นช่วงๆตามอาวุธที่ใช้ค่ะ เริ่มจากธนูและหน้าไม้ จากนั้นก็จะเป็นปืนยาวบรรจุดินปืนเอง แล้วจบด้วยปืนยาวไรเฟิลค่ะ ก่อนที่จะออกล่ากวางได้ก็ต้องมีการเข้าชั้นเรียนและรับใบอนุญาตก่อนค่ะ ในชั้นเรียนก็จะอธิบายกฎเกณฑ์ต่างๆรวมไปจนถึงสิ่งที่ควรรู้ควรระวังในตอนออกล่ากวางด้วยค่ะ
นักล่าแต่ละคนจะต้องซื้อป้ายสำหรับติดกวางก่อนที่จะออกล่าเพราะจำนวนป้ายของนักล่าที่ซื้อไว้ทั้งหมดในฤดูนั้นจะเป็นจำนวนที่นำไปใช้ในการตรวจนับควบคุมจำนวนกวางของรัฐในแต่ละปีค่ะ บางปีทางรัฐจะกำหนดไว้ล่วงหน้าเลยค่ะว่านักล่าจะสามารถล่าได้เฉพาะกวางตัวผู้หรือตัวเมียค่ะ
เหตุผลหลักในการกำหนดจำนวนและเพศของกวางที่ถูกล่านั้นก็เพื่อตรวจควบคุมจำนวนประชากรกวางค่ะ ซึ่งเป็นการช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศน์ของป่าไม้ในรัฐ ประโยชน์อีกอย่างของการล่ากวางซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับระบบนิเวศน์ก็คือไม่ให้กวางมีมากเกินไปและออกไปหากินในฟาร์มในพื้นที่หรือบนถนน ซึ่งก็จะช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุบนทางหลวงเวลากวางวิ่งข้ามถนนด้วยค่ะ
จากประสบการณ์ส่วนตัวตั้งแต่ที่เคยไปมาก็จะไปแต่เฉพาะในช่วงอาทิตย์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายนเท่านั้นค่ะ เพราะเป็นช่วงวันหยุดขอบคุณพระเจ้าได้หยุดงานติดต่อกันหลายวัน อีกทั้งบรรพบุรุษของสามีเป็นหนึ่งในพิลแกรมที่มาจากยุโรปบนเรือเมย์ฟลาวเวอร์อันเป็นต้นกำเนิดของวันขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐอเมริกา จึงเป็นวันสำคัญที่จะกลับไปฉลองกับครอบครัวของสามีที่นั่นค่ะ
ช่วงการล่ากวางในช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ต้องใช้ไรเฟิลในการล่าค่ะ ในช่วงต้นเดือนไม่เคยเข้าร่วมล่าเพราะอย่างที่บอกเขาใช้ธนูหรือหน้าไม้จากนั้นก็ปืนยาวกับดินปืนซึ่งถือเป็นศิลปะการล่าที่ต้องใช้ความชำนาญในการล่า นักล่าจะต้องเดินเท้าเข้าไปหากวางต้องใช้ความอดทนและความชำนาญมากไม่ว่าจะเป็นการกะระยะการยิง หรือ จำนวนดินปืนที่ต้องใช้
ส่วนตัวได้ฝึกการยิงธนูมากสักระยะแล้ว แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะลองล่าด้วยวิธีนี้ค่ะก็เลยล่าเฉพาะใช้ปืนยาวเท่านั้น ปืนที่ใช้ก็จะเป็นขนาดเล็กที่สุดที่เขาอนุญาตคือใช้ AR15 ซึ่งอาจจะต้องใช้ความประณีตในการยิงแต่ว่าจะมีแรงแตะน้อยกว่าปืนขนาดใหญ่แต่คนยิงและจะสามารถควบคุมปืนได้ดีกว่า
ตอนที่ล่าก็จะขึ้นไปอยู่บนห้างที่เตรียมไว้และจะต้องนั่งรอเงียบๆ เวลาหิวอยากจะเอาขนมมากินก็ต้องเงียบเพราะกวางอาจจะหนีไปถ้าได้ยินเสียค่ะ อากาศในช่วงนี้ที่รัฐ Wisconsin จะหนาวและอาจะมีฝนหรือหิมะได้ซึ่งก็แล้วแต่อากาศของแต่ละปี เพราะฉะนั้นจะต้องเตรียมเสื้อผ้ากันหนาวที่สามารถกันฝนหรือความชื้นได้ค่ะ
หมวกและถุงมือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกันค่ะปีล่าสุดที่ไปหนาวมากและฝนตกด้วยค่ะ ต้องนั่งทนตั้งแต่เช้ามืดบนห้างคนเดียว ตลอดทั้งวันมีสัตว์หลายชนิดผ่านเข้ามาให้ได้สังเกตุชีวิตที่เป็นธรรมชาติอันแท้จริง กว่าจะได้ยิงก็ปาเข้าไปห้าโมงเย็นซึ่งฟ้าเริ่มจะมืดแล้ว บังเอิญมีกวางเข้ามาใต้ห้างก็เลยได้ยิง
ตอนนี้แหละค่ะก็มาถึงที่ลำบากเพราะต้องเอากวางออกจากป่า แต่ไม่ไหวค่ะเพราะหนักมากก็ต้องขึ้นห้างนั่งรอจนกว่าสามีจะกลับมาช่วยเมื่อหลังหกโมงซึ่งก็มืดสนิทพอดี เคล็ดลับดับความหนาวหลังจากนั่งทนหนาวเหน็บทั้งวัน ก็คืออาบน้ำอุ่นแล้วก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าชุดนอนที่อบอุ่น พร้อมกับดื่มช็อคโกแล็ตร้อนๆเพื่อดับหนาวค่ะ ทำอย่างนี้จะรู้สึกสบายมากๆทีเดียวล่ะค่ะ
เช้ารุ่งขึ้นหลังจากที่ยิงกวางได้แล้วก็จะต้องถลกหนังและเลาะกระดูกเอง เนื้อที่ได้ต้องเก็บไว้รับประทานในครอบครัวจะขายไม่ได้ค่ะ คุณพ่อของสามีบอกว่าเราสามารถเดาอากาศของฤดูหนาวได้โดยการดูไขมันที่สันหลัง ถ้ามีชั้นไขมันหนามากก็แสดงว่าฤดูหนาวที่จะถึงจะมีอากาศหนาวมากๆค่ะ
ในครอบครัวเรา เนื้อที่ได้จะส่งไปให้ที่ร้านทำไส้กรอกเพื่อจ้างให้เขาทำไส้กรอกกวางไว้ทานตลอดปีค่ะ เคยเอาเนื้อสันมาทำสเต็กเหมือนกันแต่ว่ามันเหนียวมาก ถ้าจะให้ดีคงต้องตุ๋นให้เปื่อยจะอร่อยกว่า แต่ที่ชอบกันในครอบครัวก็ต้องเป็นไส้กรอก Venison เท่านั้นค่ะ
บางคนที่อยากลองก็อาจจะหาซื้อตามร้านขายอุปกรณ์ camping มาลองทานได้ค่ะ ซึ่งกวางที่ใช้ทำก็จะมาจากฟาร์มไม่ใช่มาจากป่าธรรมชาติค่ะ รสชาติก็จะแตกต่างกันไปแล้วแต่สูตรของแต่ละยี่ห้อค่ะ เท่าที่เคยทานมายังไม่มีที่ไหนสู้ร้านที่ครอบครัวส่งเนื้อไปทำได้เลยค่ะ
โดยสรุปจากประสบการณ์การล่ากวางที่ผ่านมาความประทับใจไม่ได้อยู่ที่การได้ฆ่าได้ทำลายชีวิต แต่มันอยู่ที่การได้พิสูจน์ความอดทนของตัวเอง การได้เข้าใจและรู้ซึ้งถึงว่ากว่าจะได้อาหารมามันมีความยากลำบาก การได้เข้าใจของวงจรชีวิต และอีกหลายๆอย่างที่ผุดเข้ามาในความคิดระหว่างที่นั่งรอในป่า ซึ่งก็ล้วนแต่สามารถที่จะนำมาปรับเข้ากับการใช้ชีวิตประจำวันของตัวเองได้ทั้งสิ้นค่ะ
ถ้าใครอยากจะลองมีประสบการณ์การ ล่ากวางในอเมริกา ก็ต้องเตรียมตัวเรียนรู้ให้ดีก่อนนะคะ เพราะที่เล่ามาไม่ได้เล่าถึงอุบัติเหตุที่ได้รับรู้และได้เห็นมาซึ่งบางคนอาจจะได้รับอุบัติเหตุถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลได้ง่ายๆเลยล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นต้องใช้วิจารณญาณให้ดีก่อนที่จะลองด้วยตัวเองนะคะ
โดย Supakorn Bagley, Intercultural Consulting and Services LLC
ขอบคุณภาพจาก www.ohiodnr.com, www.huntingdeerblinds.com,
adventure.howstuffworks.com, www.freedeerstandplans.com,
www.deerhuntingpros.com, www.katarinailic.com