เกร็ดความรู้ดีดี เรื่องภาษี หนีไม่พ้น!!
พอสิ้นปีเข้าปีใหม่สิ่งแรกที่ต้องคิดถึงในเรื่องเกี่ยวกับการเงินการทองก็จะต้องหนีไม่พ้นเรื่องของการรวบรวมเงินเพื่อจ่ายภาษีเงินได้ใช่ไม๊คะ ตรงนี้ต้องระลึกไว้เสมอเลยว่าหากเราทำเรื่องเสร็จเร็วเราก็จะได้เงินคืนเร็ว แต่หากใครรับเงินค่าจ้างแต่ไม่ได้ให้นายจ้างหักภาษี ณ ที่จ่ายเอาไว้ทุกครั้งที่รับเงินค่าจ้างก็คงจะรอไปใกล้ๆช่วงเดือนเมษายนเพื่อที่จะชะลอการจ่ายออกไปก่อน แต่ที่สำคัญจะต้องเตรียมเงินที่จะใช้จ่ายภาษีไว้ล่วงหน้าด้วยนะคะ เพราะมันจะเป็นเงินก้อนที่ต้องจ่ายออกในครั้งเดียว
ส่วนตัวเองก็เคยทำแบบนี้เหมือนกันที่ไม่ให้ทางบริษัทหักภาษี ณ ที่จ่ายแล้วมาจ่ายเอาทีหลักตอนยื่นภาษี ปรากฏว่าปีนั้นต้องควักกระเป๋าจ่ายไป 3 พันกว่าเหรียญ ก็ทำเอาปวดหัวไปเหมือนกันเพราะต้องไปหาเงินก้อนมาจ่ายภาษีเงินได้ดีที่มีเงินเก็บอยู่ก็เลยไม่มีปัญหา เพราะฉะนั้นก็อยากจะแนะนำว่าให้นายจ้างหักไป ณ ที่จ่ายแล้วมาขอคืนเมื่อครบปีจะง่ายและปวดหัวน้อยกว่าถึงแม้ว่าจะได้เงินน้อยลงในแต่ละเดือนก็ตามค่ะ
และเมื่อถึงเวลาที่ต้องคำนวณภาษีเราก็ต้องมาดูว่าเรามีค่าใช้จ่ายอะไรที่จะเอามาหักภาษีได้บ้าง ถ้าเป็นนักศึกษาและไม่ได้ทำงานประจำอย่างอื่นก็คงไม่มีอะไรที่ต้องคิดมาก เพราะเงินรายได้ของนักศึกษา Full time มันไม่ได้มากอะไรนักอย่างไรก็คงได้คืนทั้งหมด แต่ถ้าเป็นคนทำงานที่ต้องทำงานไปเรียนไปก็ต้องเอาค่าเล่าเรียนมาหักภาษีด้วย ค่าลดหย่อนอื่นๆก็จะเหมือนกับที่บ้านเราในเมืองไทยคือมีค่าลดหย่อนของสมาชิกครอบครัวที่เราต้องดูแล ค่าประกันชีวิต ค่าผ่อนบ้าน
หากใครลงทุนไว้กับกองทุน IRA ต่างๆก็เอามาลดหย่อนๆได้ค่ะ และสิ่งที่คนส่วนใหญ่มักจะไม่ให้ความสนใจและถือเป็นเรื่องเล็กน้อยก็คือเงินบริจาคต่างๆ เวลาที่บริจาคเงินทางองค์กรที่รับบริจาคเขาจะมีหมายเลขภาษีผู้รับบริจาคไว้ให้ เราสามารถทำรายการมาประกอบเพื่อแจ้งยอดบริจาคตลอดทั้งปีเองได้ค่ะ อีกอย่างก็คือค่าเลี้ยงดูบุตรจากสถานรับเลี้ยงเด็กหรือพี่เลี้ยงเด็กที่ได้รับอนุญาต โดยส่วนตัวที่เคยมีประสบการณ์มาก็คือค่า After Care ที่โรงเรียนเอกชนของลูกชายค่ะ ทีนี่ถ้าไม่ถามเขาก็จะเฉยๆไม่บอกเราจะต้องเป็นหน้าที่ของเราต้องดูแลตัวเองว่าค่าใช้จ่ายส่วนไหนที่จ่ายให้กับโรงเรียนที่สามารถหักภาษีได้ แล้วก็ต้องติต่อกับทางโรงเรียนเองว่าเราต้องการเลขที่ผู้เสียภาษีของโรงเรียนเพื่อขอคืนภาษีเขาถึงจะบอกให้ค่ะ หากใครที่ซื้อรถหรือซื้อของใช้ใหญ่ก็คงต้องทำการขอคืนภาษีในแบบที่เรียกว่า Itemized เพื่อที่จะขอคืนภาษีขายด้วยค่ะ ตรงนี้เป็นบางรายการคร่าวๆที่อยากจะเตือนไว้ว่าอย่าลืมโดยเฉพาะคนที่ต้องการทำภาษีเองค่ะ
อีกอย่างที่อยากจะฝากไว้ตรงนี้ก็สำหรับน้องๆที่เป็นนักศึกษาที่ทำงานพิเศษในมหาวิทยาลัยเท่านั้น ปกติเวลาเราเช่าอพาร์ทเม้นต์อยู่ เราจะต้องเสียภาษีที่อยู่อาศัยหรือ Property Tax ซึ่งรวมอยู่ในค่าเช่ารายเดือนทุกเดือน ซึ่งเงินส่วนนี้เราสามารถขอคืนได้ค่ะ แต่เพื่อนๆบางคนบอกว่าเจ้าหน้าที่ภาษีที่มาช่วยทำภาษีให้ที่มหาวิทยาลัยไม่ทำส่วนนี้ให้เพราะบอกว่าเรามีเงินได้ไม่ถึงเกณฑ์ทำให้เราไม่ได้คืนเงิน Property Tax
ตรงนี้ขอบอกว่าไม่จริงค่ะ เพราะเรื่องนี้เจอมากับตัวเองเลย คืนตอนที่เรียนอยู่เราทำงานพิเศษและได้เงินจากที่บ้านเป็นค่าใช้จ่ายด้วย พอไปหาเจ้าหน้าที่ที่ทางมหาวิทยาลัยจัดให้มาช่วยนักศึกษาต่างชาติ เขาบอกว่าเรามีรายได้ต่ำกว่าค่าอพาร์ทเม้นต์ที่จ่ายไปเขาก็เลยไม่ทำให้ แต่ว่าเราไม่เชื่อเพราะคิดว่าเสียเวลานิดหน่อยหากไม่ได้คืนก็ไม่เสียอะไรนอกจากเวลา ก็เลยมานั่งกรอกแบบฟอร์มขอคืน Property Tax เองค่ะ ในแบบฟอร์มเขาให้คำอธิบายไว้ว่าผู้ที่มีรายได้น้อยกว่าค่าเช่าจะต้องอธิบายว่าเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าเช่า เราก็เลยเขียนอธิบายไปว่า เราเป็นนักศึกษาจากประเทศไทยที่มาเรียนในสหรัฐอเมริกา นอกจากเงินรายได้พิเศษจากการทำงานในมหาวิทยาลัยแล้ว ทางครอบครัวในประเทศไทยส่งเงินสนับสนุนมาช่วยค่าใช้จ่ายทั้งหมด พอส่งแบบฟอร์มพร้อมคำอธิบายแบบนี้ไปปรากฏว่าได้เงิน Property Tax คืนทั้งหมดเลยค่ะ
เรื่องภาษีนี่อาจจะเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวที่ใครๆไม่อยากมานั่งเสียเวลาศึกษาทำความเข้าใจเอง เอาไปจ้างหรือให้คนอื่นทำให้จะง่ายกว่า แต่จริงๆแล้วถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงยอมเสียเวลามานั่งอ่านแบบฟอร์มเองก็ดีเหมือนกันเผื่อว่าเจ้าหน้าที่ที่เขาช่วยทำการขอคืนภาษีให้เราหลงลืมหรือตกหล่นอะไรก็จะได้ช่วยเตือนกันได้ค่ะ แล้วก็อย่าลืมนะคะขอคืนเร็วก็ได้เงินคืนเร็วค่ะ
ษุภากร
Intercultural Consulting and Services LLC
ถ้าเราผ่อนรถยนต์ทำการขอคืนภาษีได้ไหมคะ