เที่ยว Biltmore House
มีคำขอมาว่าให้เขียนเล่าเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวในรัฐที่อยู่ The evergreen state หรือรัฐที่เขียวตลอดปี รัฐ Washington ค่ะ ที่ได้รับสมญานามแบบนั้นก็เพราะว่าการได้รับอิทธิพลจากมหาสมุทรแปซิฟิคทำให้มีฝนตกตลอดปีก็เลยได้ชื่ออย่างนั้น ก่อนจะเริ่มเขียนก็นั่งคุยกันในครอบครัวว่าจะแนะนำที่เที่ยวที่ไหนดี คุยกันไปคุยกันมาก็บังเอิญพูดกันว่าคิดถึง Biltmore House ในรัฐ North Carolina ที่ได้ไปเที่ยวมาเมื่อปีที่แล้วก็เลยคิดว่าเขียนถึงที่นี่ดีกว่า คราวหน้าถ้ามีโอกาสค่อยพูดถึงที่ รัฐ Washington นี่
Biltmore House ตั้งอยู่ที่เมือง Asheville รัฐ North Carolina บนพื้นที่มากถึง8,000 เอเคอร์หรือก็ประมาณ 10,000 ไร่ค่ะ จริงๆแล้วตอนที่เจ้าของเขาซื้อที่ดินครั้งแรก ที่นี่มีเนื้อที่มากกว่านี้ แต่เจ้าของเดิมเขาบริจาคที่ดินประมาณ 3,000 เอเคอร์ (ถ้าจำไม่ผิดนะคะ) ให้กับรัฐ North Carolina ให้ใช้เป็นวนอุทยานของรัฐค่ะ จะว่าเจ้าของเดิมก็ไม่ใช่นะคะเพราะเจ้าของคนปัจจุบันก็เป็นลูกหลานที่ได้รับมรดกตกทอดกันลงมาจากรุ่นสู่รุ่นค่ะ
ที่ดินที่เหลือเป็นมรดกตกทอดลงมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลานนี้ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นธุรกิจในครอบครัวเปิดปราสาท ให้คนทั่วไปได้เข้าชมค่ะ ในอาณาเขตอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้มีกิจการหลายอย่างตั้งแต่โรงแรม ฟาร์ม ไร่องุ่น โรงไวน์ ถ้าใครไม่ต้องการพักโรงแรมข้างใน ก็สามารถไปพักโรงแรมข้างนอกได้แล้วก็ซื้อตั๋วเข้าชมปราสาทหรือกิจการต่างๆของครอบครัวนี้ได้ค่ะ
เมื่อพูดถึงความมั่งคั่งของครอบครัวเจ้าของ Biltmore House ก็ต้องเริ่มตั้งแต่เจ้าของคนแรกหรือรุ่นแรกก่อนเลยนะคะ ประวัติของ Biltmore House จากคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ที่ทำงานที่นั่นเล่าว่า เริ่มจากคุณ George Vanderbilt ซึ่งเป็นเศรษฐีจากรัฐ New York พาคุณแม่ของเขามารักษาตัวที่นี่
วันนึงขณะที่คุณแม่ของเขากำลังพักผ่อนเขาก็ออกไปขี่ม้าเล่นแล้วก็เกิดหลงรักในวิวทิวทัศนียภาพของสถานที่แห่งนี้ ก็เลยกว้านซื้อภูเขาทั้งหมดทุกลูกในบริเวณนั้น เพื่อความสะดวกว่าคุณแม่ของเขาจะไม่ต้องลำบากเดินทางไปๆมาๆจาก New York เพื่อมารักษาตัวที่ North Carolina นี่
แหม! พอได้ยินอย่างนี้ก็คิดจินตนาการไปว่า คุณ George ไปหยุดม้าที่บนเนินเขาหรือยอดเขาแห่งหนึ่งแล้วก็หันไปบอกกับเลขาฯว่า “อืม ชอบที่ดินที่นี่ อยากจะซื้อเอาไว้ ลองไปติดต่อสิ” คุณเลขาฯก็คงจะบอกว่า “”ได้ขอรับ จะซื้อกี่เอเคอร์ขอรับ” คุณ George ก็คงจะพูดว่า “ซื้อภูเขาทั้งหมด ทุกลูก” เอากันอย่างนั้นแหละค่ะ อ๋อ ทำไมถึงรวยหรือคะ คุณ George เป็นเจ้าของสัมปทานรถไฟทั้งหมดในช่วงประมาณต้นๆ คศ. 1800 ค่ะ เขาถือว่าป็นบุคคลที่มีอำนาจมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาในสมัยนั้นก็ว่าได้ค่ะ
ตอนนั้นที่ไปเที่ยวเป็นช่วงที่ใกล้กับวันคริสมาตค่ะ Biltmore House ก็เปิดบ้านให้เข้าชมได้ทั้งในกลางวันและกลางคืน ราคาค่าตั๋วเข้าชมก็ต่างกันค่ะ สำหรับในเวลากลางคืนจะมีการประดับประดาไฟไว้สวยงามมาก แต่ตอนนั้นได้เข้าไปดูแต่ในตอนกลางวันเพราะได้ตั๋วเข้าชมฟรีค่ะ คือว่าตอนนั้นที่ทำงานเขาจัดสัมมนาที่นี่ค่ะ ตอนเช้าพอไปถึงก็ไปสัมมนาที่อาคารหลังหนึ่งในอาณาจักร Biltmore House พอรับประทานอาหารกลางวันเสร็จแล้วที่ทำงานก็แจกตั๋วเข้าชมบ้านให้พนักงานและครอบครัวได้ไปเที่ยวค่ะ
ในบ้าน แต่อันที่จริงต้องเรียกว่าปราสาทจะเหมาะกว่า ปราสาท Biltmore House มีห้องต่างๆมากมาย มีโรงโบลิ่งและสระว่ายน้ำที่ชั้นใต้ดินด้วยค่ะ ในปราสาทมีเตาผิงมากกว่า 70 แห่งซึ่งก็ต้องใช้คนดูแลบ้านเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าถามว่าห้องไหนที่ประทับใจมากที่สุด ก็ต้องบอกว่าห้องสมุดค่ะ
ห้องสมุดไม่ใช่ห้องหนังสือธรรมดา ในห้องสมุดที่อยู่ในบ้านมีสองชั้น หนังสือก็คงจะมีมากกว่า 10,000 เล่มเห็นจะได้ค่ะ นี่ก็เป็นเพราะว่า คุณ George เป็นนักอ่านนักเขียนซึ่งเขาเริ่มสะสมงานเขียนและหนังสือต่างๆไว้ตั้งแต่อายุยังน้อยอยู่ อย่าลืมว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อมากกว่า 150 ปีมาแล้ว การที่คนหนึ่งคนจะสามารถมีบ้านและชีวิตความเป็นอยู่ที่หรูหราขนาดนี้จะต้องมีอำนาจมากๆทีเดียว
โดยรวมๆแล้วลักษณะของปราสาท Biltmore House มีความคล้ายคลึงกับพระราชวังแวร์ไซล์ของฝรั่งเศษมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นตัวอาคารหรือสวนดอกไม้ด้านหลัง ซึ่งก็น่าจะเป็นไปได้ที่ คุณ George และภรรยาได้แรงบันดาลใจในแบบสถาปัตยกรรมมาจากที่นั่น เพราะทั้งสองได้รักกันและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ในปารีสหลายปี และยังเดินทางไปๆมาระหว่าง รัฐ North Carolina, Washington D.C., และ ประเทศฝรั่งเศส ตลอดชีวิตของพวกเขาค่ะ
สำหรับคนที่ไปเที่ยวที่นี่นอกจากสามารถที่จะเข้าชมตัวปราสาทหรือขอเช่าสถานที่ในการจัดงานต่างๆแล้ว คนที่ชอบดื่มไวน์สามารถไปเข้าชมโรงไวน์และชิมไวน์ที่ผลิตขึ้นในสถานที่ได้ เขายังมีบริการจัดตะกร้าปิคนิคให้กับคู่รักหรือครอบครัวได้พักผ่อนในบริเวณสวนต่างๆบนที่ดินของเขา นอกจากนี้มีจักรยานให้เช่าสำหรับคนที่อยากจะออกกำลังกายและใช้เวลาทั้งวันท่องเที่ยวไปในอาณาจักรนับพันๆเอเคอร์ของเขา โรงแรมที่พักก็เป็นในระดับห้าดาวซึ่งจัดการเองโดยบริษัท Biltmore House แต่ถ้าใครไม่อยากสู้ราคาก็ไปเช่าโรงแรมข้างนอกใกล้ได้เช่นเดียวกันค่ะ
ที่นี่เป็นสถานที่สำคัญอีกที่หนึ่งที่มีความสำคัญกับประวัติศาสตร์อเมริกา สถานที่และเรื่องราวต่างๆของอาณาจักร Biltmore House นี้ส่องให้เห็นจุดเริ่มต้น วิวัฒนาการความเจริญเติบโตและความรุ่งเรืองของประเทศนี้ว่าเป็นมาอย่างไร นอกจากนี้ที่นี่ยังรับจัดงานเลี้ยง การประชุม หรืองานแต่งงานด้วยนะคะ ก็อย่างที่บอกว่าเมื่อวันที่ไปก็มีประชุมสัมมนาของบริษัทซึ่งจัดขึ้นที่นั่น นอกจากสามารถใช้สถานที่ประชุมแล้วเขายังมีบริการจัดเลี้ยงอาหารด้วย พูดง่ายๆก็คือที่นี่เขามีบริการแบบครบวงจร ถ้าใครมาจัดงานแต่งงานที่นี่เขาก็มีบริการถ่ายรูปให้ด้วยค่ะ
เมื่อวันนั้นก็เห็นว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวไปตั้งท่าถ่ายรูปที่รอบๆปราสาทด้วยเหมือนกัน เห็นแล้วก็นึกอิจฉาไม่ได้ อย่างจะย้อนเวลากลับไปอีกสักยี่สิบปี จะได้ให้แฟนจองสถานที่แต่งงานและถ่ายรูปที่นั่น จะได้แต่งชุดเจ้าสาวเป็นเจ้าหญิงแสนสวยอยู่ที่ปราสาท หรือไม่ก็ไม่ได้แต่งเลยเพราะแฟนทนความเรื่องมากไม่ไหว เฮ้อ!ถึงยังงัยก็ย้อนเวลากลับไปไม่ได้อยู่ดีล่ะค่ะ แต่สำหรับใครที่สนใจจะไปเที่ยวหรือจัดงานต่างๆติดต่อรายละเอียดเองได้นะคะที่ http://www.biltmore.com/
โดย
Supakorn Bagley
Intercultural Consulting and Services LLC