เรื่องเสียวๆ กับ Flu shot
วันนี้จะมาขอเล่าถึงเรื่องโรคภัยไข้เจ็บและการป้องกันเวลาที่เราอยู่อเมริกา ซักนิดนะคะ เนื่องจากว่าเรามาอเมริกาในช่วงปี 2009 ตอนนั้นเนี่ย ถ้าใครจำได้ โรคไข้หวัดหมู หรือ swine flu หรือ ไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 หรือ ไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก หรือ H1N1 (โอย หลายชื่อเกิ๊น 55555)
ซึ่งเจ้าไข้หวัดตัวนี้ ค่อนข้างร้ายแรงมาก และปีนั้นที่อเมริกา ก็ระบาดหนักมากด้วย มีคนเสียชีวิตจากไวรัส H1N1 เป็นจำนวนมาก ที่ไทยก็ระบาดเช่นกัน ทำให้เรากังวลมากก่อนการเดินทาง
เราเดินทางช่วงกลางเดือนพฤษจิกายนค่ะ พอมาถึงด้วยความที่เจ้านายเราเป็นหมอ เค้าก็จัดแจ้งพาเราไปฉีดวัคซีนตัวนี้พร้อมกับลูกสาวตัวน้อยเพื่อป้องกันไว้ก่อนค่ะ อเมริกาถือว่าสวัสดิภาพการดำรงค์ชีวิตและความเป็นอยู่ค่อนข้างดีค่ะ รัฐบาลมีทุนทรัพย์เพียงพอเลยจัดวัคซีนป้องกันเชื้อโรคตัวนี้ออกมา ให้ประชาชนที่สนใจ ได้รับวัคซีนกันทุกคน
ที่สำคัญฟรีค่ะ เราที่เป็นคนไทย ถึงแม้จะไม่ใช่ประชากร แต่ถึอวีซ่า J1 ซึ่งเข้าเมืองมาอย่างถูกกฏหมายก็สามารถรับ วัคซีนตัวนี้ได้ฟรีเช่นกัน เย้! ยังไงถ้าเพื่อน ๆ อยู่ในช่วงที่เชื้อโรคระบาด ลองติดต่อไปที่ care center หรือ โรงพยาบาลใกล้ ๆ บ้านดูสอบถามเค้าว่ามีบริการ วัคซีนฟรีให้ไม๊นะคะ
ขอเล่าประสบการณ์การไปรับวัคซีนฟรีให้ฟังสักนิด จะว่าขำก็ขำ จะว่าไม่ขำมันก็ไม่ขำนะ เพราะเราเกลียดเข็มฉีดยาที่สุด เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลาย ๆ คนก็ไม่ชอบการฉีดยาเช่นกัน care center ที่เราไปรับวัคซีนอยู่ใกล้ ๆ บ้านค่ะ
วันนั้นคนค่อนข้างเยอะนะ ไปถึงเจ้าหน้าที่ก็ให้เรากรอกแบบฟอร์มเป็นภาษาอังกฤษ กรอกเสร็จก็รับคิวนั่งรอ
ตอนนี้แหละค่ะระทึกใจ เพราะก็เหมือนนั่งดูนักโทษโดนเฉือดที่ละคน ๆ 555555 พูดซะโหดเลย คือมันเป็นห้องกว้าง ๆ ที่เอาโต๊ะมาตั้ง 4 -5 โต๊ะ แต่ละโต๊ะก็มีพยาบาลนั่งประจำคอยฉีดวัคซีนให้คนไข้ เรานั่งมองวิธีการฉีด ไม่เรียกฉีดดีกว่า เรียกแทงจะเหมาะกว่า
ณ ตอนนั้น หวั่นใจมาก พยายามหาสาเหตุ เพื่อจะไม่ต้องฉีด หันไปถามเจ้านาย(ซึ่งเจ้านายเป็นหมอ) เราก็เริ่มถาม “คุณว่าฉันควรได้รับวัคซีนนี้หรอ” “ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่แพ้ยาตัวนี้” เจ้านายหันมามอง ด้วยสีหน้าใจดี แล้วบอกว่า “ยูแพ้ไข่ไม๊หล่ะ? ถ้าไม่แพ้ก็จะไม่แพ้วัคซีนตัวนี้ (กระพริบตาน้อยเหมือนครูคุยกับเด็กอนุบาล) ” นึกในใจแม่งงงง ทำไมชั้นไม่แพ้ไข่ 555555
ตอนนั้นถ้าใครเห็นท่าง้างเข็มของพยาบาลก็จะสะพรึงกันทุกคน เราก็ไปกับลูกเจ้านายด้วย ซึ่งน้องก็ไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคนั้นนี้นู้นประจำ เหมือนเราตอนเด็ก ๆ ที่มีพยาบาลมาฉีดให้ที่โรงเรียน น้องก็จะเฉย ๆ แต่บังเอิญวันนั้น เด็กก่อนหน้าคิวเรามันแหกปาก ดิ้งทุรนทุราย เหมือนจะแปลงร่างได้ แม่เด็กก็จับไม่อยู่ เราก็เข้าใจอะนะ เด็กกลัว
แต่เจ้าเด็กบ้านเรามันดั๊นเห็นอาการ เลยคลั่งขึ้นมาบ้างมั่ง กรีดร้องงงงง ไม่ยอมฉีดขึ้นมา เรานี้แบบอยากจะบอกหยุดเถอะ เดี๋ยวชั้นร้องแทน (นึกในใจแล้วอยากจะลงไปกลิ้งกับเด็กมาก 55555 เว่อร์ม่ะ) แต่แบบมาแล้ว ยังไงก็ต้องฉีด เจ็บนิดเดียว แต่ปลอดภัยกับการอาศัยอยู่ที่นี้ เอาก็เอา >_<
นาทีระทึกมาถึง พยาบาลเรียกคิวเรากับน้อง เราดันน้องให้ฉีดก่อน T_T (กล้าหาญมากชั้น) ถ้าเป็นเด็ก พยาบาลจะแทงที่หน้าขาค่ะ ขนาดว่าเจ้านายเราเป็นหมอ เค้ายังหน้าเสียเลย โมชั่นการแทงของนางพยาบาลโหดแท้ แน่นอนค่ะ น้องร้อง และลงไปดิ้นเหมือนอีกเด็กคนก่อนหน้านี้ ทำให้เรามั่นใจเป็นที่สุดว่ามันต้อง “โคตรเจ็บ”
ถึงตาเราค่ะ น้ำตาเอ่อมาก ท่วมท้น มากจากไหนมิรู้ แต่เอ่อ 555555 คือ ไม่อยากจะมากมาย แต่เราเห็นน้องดิ้นแล้วขวัญเสียมาก เข็มยาวมาก คือแกแทงชั้นด้วยเข็มอันนั้นนะ ทะลุกระดูกแน่ เพราะชั้นไขมันคนไทยตัวน้อย ๆ อย่างเรา ไม่หน้าเท่าพี่มะกัน
พยาบาลสัมภาษณ์เล็กน้อย คงรู้ว่าเราตื่นเต้น พอเรานั่งปุ๊บ เค้าก็หยิบอุปกรณ์เตรียมเชือดเราปั๊บ เรียงรายสวยงามอยู่ตรงหน้า มีเข็มฉีดยา พลาสเตอร์แปะแผลรูปการ์ตูน เราบอกพยาบาลว่า ไม่เอารูปการ์ตูนนะคะ เราแก่แล้ว 55555 พยาบาลบอกว่า มีแบบเดียว ไม่งั้นก็ไม่มีให้แปะ อู้ยโหดแท้ คือผิดที่เราดันมาโต๊ะสำหรับฉีดเด็กอะนะ (แล้วจะรู้ไม๊ค่ะ – -“)
เค้าก็ถามเราแพ้ไข่ไม๊ ไม่แพ้ สองสามวันนี้มีหวัดคัดจมูกน้ำมูกไหลไม๊ ไม่มีค่ะ กลัวเข็มไม๊ กลัวมากค่ะ (ส่งยิ้มแบบหวั่นใจให้พยาบาล 1 ครั้ง) พยาบาลตอบ อ๋อเหรอ ถ้างั้นอยากลอง แบบสูดเข้าจมูกไม๊หล่ะ เรายิ้มหน้าบานมาก ถามพยาบาลว่าไม่ต้องฉีดก็ได้ด้วยหรอ >____<
ดีใจขั้นสุด พยาบาลเปลี่ยนอุปกรณ์บนโต๊ะ เป็นสลิ้งค์ที่ไม่มีหัวเข็ม พยาบาลบอกวิธีว่าเค้าจะพ่นวัคซีนที่เป็นน้ำใส ๆ เข้าจมูกเราด้านละ 1 CC ให้เราสูดยาเข้าไปให้หมดแล้วจะเริ่มด้านใหม่ให้ พยาบาลบอกว่าสองสามวันนี้คุณจะมีอาการ เหมือนคนเป็นหวัดนะ ไม่ต้องตกใจ ยิ้มอย่างสบายใจแล้วก็บอก Thank you so much ทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็ว และไม่เจ็บตัว กลับบ้านอย่างสบายใจ
ผ่านไปได้แค่ คืนเดียว วันต่อมาชีวิตแย่ เป็นหวัด ปวดหัว คัดจมูกไหล น้ำมูกเขียวติดเชื้อ เป็นแบบนี้อยู่ 3 วัน อาการค่อย ๆ ดีขึ้นค่ะ แต่อาการที่หนักสุดคือคัดจมูกนี้แหละ ใช้ปากหายใจแทนเลย 55555
ทีนี้ ขอเล่าต่อเรื่องการป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ปกติ ที่แพร่ระบาดทุก ๆ ปีในช่วงหน้าหนาวนะคะ หรือที่เรียกกันว่า Regular Seasonal flu ไข้หวัดตัวนี้จะมีอาการปวดหัวปวดตัว ปวดเข้าไปถึงกระดูก จะมีอาการคล้าย ๆ กับไข้หวัดธรรมดา เป็นไข้ ไอ จาม ตัวร้อน มีน้ำมูก เสมหะ แต่อาการจะรุนแรงกว่า และทำให้เสียชีวิตได้ถ้าร่างกาย ผู้ป่วยอ่อนแอมาก ๆ เช่นคนแก่ เด็กเล็ก หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวและมีไข้หวัดใหญ่แทรกซ้อนนะคะ
สำหรับวัคซีนของไข้หวัดตัวนี้ รัฐบาลไม่ได้จัดให้บริการฟรีค่ะ แต่ก็หาฉีดได้ง่าย ๆ ตามซุปเปอร์มาร์เก็ต และ ร้านขายยาเช่น Kroger, Walmart, Walgreen, CVS ฯลฯ ราคาอยู่ที่ 25-30 USD แล้วแต่ที่ค่ะ วัคซีนตันนี้จะป้องกันได้ 6 เดือน และถ้าใครต้องการก็ไปฉีดซ้ำก็ทำได้ทุก ๆ 6 เดือนค่ะ
ตอนเราอยู่อเมริกา เราได้รับวัคซีนตัวนี้ 2 ครั้งค่ะ ใช้เข็มฉีดเท่านั้น ไม่มีการสูดเข้าทางจมูกค่ะ ที่ทราบเพราะอาการกลัวเข็มเหมือนเดิม เลยถามพยาบาลว่ามีแบบสูดเข้าทางจมูกไม๊ พยาบาลตอบหนักแน่น “NO, Mam” เสียใจ!!! ชิ แล้ววิธีการก็เหมือนเดิมค่ะ แทงเข็มไปที่หัวไหล่ เฮือก!!! เจ็บจี๊ดเลย
แต่ก็ได้รู้นะว่า มันจะเจ็บน้อยกว่าค่อยจิ้มเข้าไปเหมือนการฉีดยาที่บ้านเรา เพราะมันเร็วมาก ความรู้สึกแบบแป็บเดียว ลืมตามาอีกที พลาสเตอร์แปะที่แขนแล้ว ^___^
วัคซีนตัวนี้จะให้บริการที่ร้านขายยาตลอดทั้งปี แต่จะมีการโปรโมทย์มาก ๆ ช่วง กลางเดือน ตุลาคม (สำหรับรัฐที่เราอยู่นะคะ Tennessee) จะเป็นช่วงปลาย Fall เข้า winter วัคซีนตัวนี้ไม่ได้ป้องกัน H1N1 หรือ หวัดเล็ก ๆ น้อย ๆ นะคะ ป้องกันเฉพาะ ไข้หวัดใหญ่ Regular Seasonal Flu จ้า ^____^
ยังไงก็ขอให้ทุกคนปลอดภัยไร้โรคภัยไข้เจ็บสุขภาพแข็งแรง ทานผักผลไม่เยอะช่วยได้ค่ะ ได้รับวิตามินช่วยในการ ต่อต้านโรคภัยต่าง ๆ นะคะ An apple a day keeps Doctor away!!!
Author : FellyS
ภาพประกอบจาก: medicalmile.com,cbsnews.com