ไมเคิล เฟลป์ส (Michael Phelps) นักว่ายน้ำและวีรบุรษของชาวอเมริกัน
หลังจากที่ปิดฉากโอลิมปิกเกมส์ บุคคลที่คนอเมริกันพูดถึงกันมากที่สุดในขณะนี้คือ ฉลามหนุ่มไมเคิล เฟลป์ส (Michael Phelps) เขาถือเป็นตำนาน และ วีรบุรุษ ของคนอเมริกัน เลยก็ว่าได้ หลังคว้าเหรียญทองที่ 4 ในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ที่ ลอนดอน ในเกมส์ครั้งสุดท้าย ซึ่งเป็นเหรียญทองที่ 18 หรือเหรียญรวมที่ 22 จากการแข่งขันโอลิมปิก 3 สมัย สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกีฬาที่ได้เหรียญโอลิมปิกมากที่สุด
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ : ไมเคิล เฟลป์ส
เกิด : 30 มิถุนายน 1985
สถานที่เกิด : บัลติมอร์ รัฐแมรี่แลนด์ สหรัฐอเมริกา
ส่วนสูง : 6 ฟุต 3 นิ้ว (193 เซ็นติเมตร)
น้ำหนัก : 88 กิโลกรัม
กีฬาที่ชอบ : ว่ายน้ำ
สโมสร : นอร์ธ บับติมอร์ เอซี
Michael Phelps |
ชีวิตความเป็นมา
ไมเคิล เฟลป์ส (Michael Phelps) นักว่ายน้ำชื่อดังและได้เป็นวีรบุรษของชาวอเมริกัน แถลงอำลาสระปิดฉากอาชีพนักว่ายน้ำอย่างสวยงาม หลังคว้าเหรียญทองที่ 4 ในการแข่งขันโอลิมปิก ลอนดอน เกมส์ครั้งสุดท้าย ซึ่งเป็นเหรียญทองที่ 18 หรือเหรียญรวมที่ 22 จากการแข่งขันโอลิมปิก 3 สมัย สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกีฬาที่ได้เหรียญโอลิมปิกมากที่สุด
เฟลป์ส เกิดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ปี 1985 (พ.ศ.2528) ที่เมืองบัลติมอร์ รัฐแมรี่แลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาเติบโตที่ย่านร้อดเจอร์ส ฟอร์จ (Rodgers Forge) เขามีพี่สาว 2 คน ได้แก่ วิทนีย์ และ ฮิลารี่ ซึ่งทั้งคู่เป็นนักว่ายน้ำเช่นกัน (โดยวิทนีย์ เกือบจะได้ลงแข่งว่ายน้ำให้กับทีมชาติสหรัฐอเมริกา ในโอลิมปิกเกมส์ 1996 แต่โชคร้ายต้องมาบาดเจ็บเสียก่อน)
อาจได้ว่า เฟลป์ส สร้างชื่อเสียงให้กับตนเองอย่างมากใน โอลิมปิก เกมส์ 2008 ที่ ปักกิ่ง ประเทศจีน โดยเขาสามารถคว้าเหรียญทองให้กับทีมชาติสหรัฐอเมริกาถึง 8 เหรียญ แถมยังทำลายสถิติโลก ที่เคยทำไว้อีกหลายรายการ หลังจากเมื่อ 4 ปีที่ก่อน ณ การแข่งขันโอลิมปิก 2004 ที่ กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ เขาสามารถคว้าได้ถึง 6 เหรียญทองมาแล้ว
เฟลป์ส หรือเด็กหนุ่มที่มีชื่อเล่นว่า “เอ็มพี” จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมที่ ทาวสัน ไฮสคูล เมื่อปี 2003 อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เมื่อปี 1994 เฟรด เฟลป์ส พ่อของเขา ซึ่งเป็นตำรวจแห่งรัฐแมรี่แลนด์ และ เด้บบี้ เดวิสสัน เฟลป์ส ผู้เป็นแม่ ที่เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนประถม ได้หย่าร้างกัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงอะไร
ในวัยเด็ก เฟลป์ส ถูกวินิจฉัยว่า เป็นโรค ADHD หรือ โรคสมาธิสั้น โดยเขาเริ่มว่ายน้ำเมื่ออายุได้ 7 ปี ซึ่งเขาได้แรงบันดาลใจมาจากพี่สาวทั้ง 2 คน และเมื่ออายุ 10 ขวบ เขาก็สามารถทำลายสถิติระดับประเทศในเด็กอายุรุ่นเดียวกัน ต่อมา ไมเคิล เฟลป์ส ได้พัฒนาฝีมืออย่างรวดเร็วจนติดทีมชาติ และได้เข้าแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก 2000 (พ.ศ.2543) ที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ด้วยวัยเพียง 15 ปี
ในเดือนพฤศจิกายน 2004 ขณะที่ เฟลป์ มีอายุ 19 ปี เขาก็ถูกจับในคดีเมาและขับ ที่เมืองซาลิสบิวรี่ รัฐแมรี่แลนด์ โดยขณะนั้นมีอายุ 19 ปี และต้องถูกปรับเงิน 250 ดอลลาร์สหรัฐฯ และบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมเป็นเวลา 18 เดือน ด้วยการพูดรณรงค์เมาไม่ขับตามโรงเรียนต่างๆ
และด้วยนิสัยส่วนตัวที่ชอบใช้ชีวิตคนเดียว ทำให้หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว เฟลป์ส ได้ตัดสินใจซื้อบ้านและย้ายไปอยู่ที่รัฐมิชิแกนคนเดียว โดยเขาเริ่มหัดว่ายน้ำลองผิดลองถูกมาเรื่อยๆ แต่ไม่ลืมที่จะจัดตารางเวลาฝึกซ้อมอย่างเคร่งครัด
เฟลป์ส เข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน ระหว่างปี 2004-2008 โดยเรียนด้านการตลาดและการจัดการด้านกีฬา จากนั้นเดือนพฤษภาคมปี 2008 ไมเคิล เฟลป์ส ตั้งใจที่จะกลับไปยังบัลติมอร์อีกครั้ง เพื่อเข้าคัดตัวไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2008 โดยจะร่วมมือกับ บ๊อบ โบว์แมน พร้อมกับกล่าวว่า ผมไม่ได้ว่ายน้ำเพื่อใครอื่น ผมคิดว่าเราทั้งคู่ จะสามารถช่วยให้สโมสรนักกีฬาบัลติมอร์เหนือ (North Baltimore Athletic Club) ไปได้ไกลกว่านี้อย่างแน่นอน
สรีระและไลฟ์สไตล์
เฟลป์ส มีสรีระในร่างกาย 5 ส่วน ที่มีส่วนช่วยให้เขาเป็นนักว่ายน้ำที่ยอดเยี่ยมดังปัจจุบัน ซึ่งได้แก่ ลำตัวที่เล็กเรียว, ช่วงแขนที่ยาว กว่า 6 ฟุต 7 นิ้ว (201 เซนติเมตร), ช่วงขาที่สั้น, เท้าที่ใหญ่ถึง 14 ฟุต, และความสามารถในการสบัดเท้าที่รวดเร็ว
ตามรายงานจากบทความของ “The Guardian” ระบุว่า เฟลป์ส จะรับประทานอาหารเกือบ 12,000 แคลอรี่ ต่อวัน หรือ บริโภคอาหาร 5 มื้อต่อวัน ซึ่งมากกว่าการบริโภคของผู้ชายโดยปกติทั่วไปเสียอีก
เริ่มต้นอาชีพว่ายน้ำ
เมื่อสมัยที่ยังเป็นวัยรุ่น เฟลป์ส ฝึกซ้อมว่ายน้ำที่ “North Baltimore Aquatic Club” ภายใต้การฝึกสอนของ โค้ช บ็อบ โบว์แมน และเมื่อตอนอายุ 15 ปี เฟลป์ส สามารถผ่านการคัดตัวเข้าแข่งขันโอลิมปิกฤดูกาล ปี 2000 ที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ได้สำเร็จ ซึ่งทำให้เขากลายเป็นนักว่ายน้ำชายสหรัฐฯ ที่อายุน้อยที่สุดในรอบ 68 ปี อย่างไรก็ตาม ปีนั้น เขาก็ยังไม่อาจคว้าเหรียญใดๆ มาครองได้ โดยเขาผ่านเข้ารอบสุดท้าย ในรายการ ผีเสื้อ 200 เมตร และว่ายเตะขอบสระในอันดับที่ 5 เท่านั้น
แต่ในอีก 5 เดือนถัดมา เฟลป์ส ก็สร้างชื่อในวงการว่ายน้ำได้อย่างรวดเร็ว โดยเขาสามารถทำลายสถิติโลกในรายการ ผีเสื้อ 200 เมตร ด้วยวัยเพียง 15 ปี 9 เดือน ซึ่งทำให้เขาเป็นเจ้าของสถิติที่อายุน้อยที่สุดอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้น เฟลป์ส ยังทำลายสถิติรายการเดียวกันนี้อีกครั้ง ในรายการ เวิล์ด แชมเปี้ยนชิพ ที่ ฟูโกโอกะ ประเทศญี่ปุ่น
เข้าสู่ปี 2002 เฟลป์ส สามารถทำลายสถิติโลกในประเภท เดี่ยวผสม 400 เมตร ในรายการ ซัมเมอร์ เนชั่นแนลส์ ที่ Fort Lauderdale รวมถึงรายการ ผีเสื้อ 100 และ เดี่ยวผสม 200 เมตร อีกด้วย ต่อมาในปี 2003-2004 เฟลป์ส ยังทำลายสถิติของตนเองอย่างต่อเนื่่อง ทั้งในรายการ เดี่ยวผสม 400 เมตร, เดี่ยวผสม 200 เมตร
ในปี 2004 เฟลป์ส ตัดสินใจออกจากทีม “North Baltimore Aquatic Club” เพื่อไปเล่นให้กับทีม Club Wolverine เช่นเดียวกับที่ บ็อบ โบว์แมน โค้ช ที่ไปย้ายไปฝึกสอนที่ University of Michigan
โอลิมปิก เกมส์ 2000 ที่ซิดนี่ย์ ประเทศออสเตรเลีย
เฟลป์ส เข้าร่วมการแข่งขันว่ายน้ำ รายการ ผีเสื้อ 200 เมตร และสามารถทำเวลาผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้สำเร็จ ก่อนที่จะว่ายเตะขอบสระในอันดับ 5 ด้วยเวลา 01:56:50 วินาที
โอลิมปิก เกมส์ 2004 ที่ เอเธนส์ ประเทศกรีซ
เฟลป์ส ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยคว้าไปถึง 6 เหรียญทอง ในรายการ เดี่ยวผสม 400 เมตร, ผีเสื้อ 100 เมตร, ผีเสื้อ 200 เมตร, เดี่ยวผสม 200 เมตร, ผลัดผสม 4 คูณ 200 เมตร และ ผลัดผสม 4 คูณ 100 เมตร นอกจากนี้ เขายังได้อีก 2 เหรียญทองแดง จากรายการ ฟรีสไตล์ 200 เมตร และ ผลัดฟรีสไตส์ 4 คูณ 100 เมตร
2004-2008
เฟลป์ส ย้ายไปที่ Ann Arbor, Michigan ภายหลังเสร็จศึกโอลิมปิก 2004 เพื่อมาร่วมงานกับ บ็อบ โบว์แมน อดีตโค้ชคู่ใจสมัยที่เล่นให้กับ North Baltimore Athletic Club ซึ่งปัจจุบัน โบว์แมน เป็นโค้ชให้กับทีมมหาวิทยาลัย มิชิแกน โดยเฟลป์ส ไปทำหน้าที่เป็นอาสาสมัครผู้ช่วยโค้ช แต่เขาก็ไม่ได้แข่งขันว่ายให้กับทีมมหาวิทยาลัยในการแข่งขันกีฬาระดับอุดมศึกษาแต่อย่างใด เนื่องจากเขาไม่ได้มีคุณสมบัติเป็นนักว่ายน้ำสมัครเล่น
อย่างไรก็ตาม เฟลป์ส ประสบความสำเร็จอย่างมากในการแข่งขันรายการ เวิล์ด แชมเปี้ยนชิพ 2005 โดยเขาสามารถคว้ามาได้ถึง 6 เหรียญ (5 เหรียญทอง กับ 1 เหรียญเงิน) รวมถึงทำลายสถิติ 1 รายการอีกด้วย ต่อมาในรายการ เวิล์ด แชมเปี้ยนชิพ 2007 เฟลป์ส กวาดมาได้ถึง 7 เหรียญทอง รวมถึงทำลายสถิติโลกถึง 5 รายการ
เฟลป์ส ได้เป็น 1 ในผู้ก่อตั้ง โครงการ “Swim with the Stars” ร่วมกับ เอียน คร็อกเกอร์ และ เลนนี่ เครย์เซลบวร์ก ซึ่งเป็นโครงการที่มีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนกีฬาว่ายน้ำ และจัดทำแคมป์ให้กับนักว่ายน้ำทุกวัย
โอลิมปิก เกมส์ 2008 ที่ ปักกิ่ง ประเทศจีน
ก่อนที่จะเดินทางมาแข่งขันโอลิมปิกที่ปักกิ่ง ไมเคิล เฟลป์ส เคยประกาศเอาไว้ “ผมพร้อมแล้ว” ซึ่งจุดมุ่งหมายของเขาคือการทำลายสถติของ มาร์ค แอนดรูว์ สปิตซ์ (เจ้าของสถิติคว้าเหรียญทองมากที่สุดจากการแข่งขันโอลิมปิคเกมส์ครั้งเดียว ด้วยผลงาน 7 เหรียญทอง ในโอลิมปิก เกมส์ ปี 1972 ที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี และยังทำลายสถิติโลกทั้ง 7 รายการอีกด้วย) พร้อมกลายเป็นฮีโร่อเมริกันคนใหม่
และในที่สุด เขาก็สามารถทำได้อย่างที่กล่าวไว้ หลังจากคว้าเหรียญทองมาให้สหรัฐฯ ได้ถึง 8 เหรียญทอง จากการลงแข่งขันทั้งหมด 8 รายการ พร้อมทั้งทำลายสถิติทุกรายการ ได้แก่ เดี่ยวผสม 400 เมตร, ผลัดฟรีสไตล์ 4 คูณ 100 เมตร, ฟรีสไตล์ 200 เมตร, ผีเสื้อ 200 เมตร, ผลัดฟรีสไตล์ 4 คูณ 200 เมตร, เดี่ยวผสม 200 เมตร, ผีเสื้อ 100 เมตร และ ผลัดผสม 4 คูณ 100 เมตร
โอลิมปิก เกมส์ 2012 ที่ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ไมเคิล เฟลป์ส สามารถปิดฉากอำลาการแข่งขันโอลิมปิกได้อย่างยิ่งใหญ่ โดยสามารถคว้าเหรียญทองจากการแข่งขันว่ายผลัดผสม 4 x100 เมตรชายในวันสุดท้ายของกีฬาว่ายน้ำ โดยทีมของเขาสามารถทำเวลาได้ 3 นาที 29.35 วินาที และในที่สุดเมื่อรวมตลอดการแข่งขันลอนดอน เกมส์ครั้งนี้เขากวาดไป 4 เหรียญทองและ 2 เหรียญเงินทำให้เขาเป็นนักกีฬาโอลิมปิกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยกวาดเหรียญได้มากที่สุดรวม 22 เหรียญจากการเข้าแข่งขันโอลิมปิก 3 สมัยนับตั้งแต่ปี 2547
ในจำนวนนี้ เป็นเหรียญทอง 18 เหรียญ ทำลายสถิติเดิมของ ลาริซ่า ลาตึนิน่า นักยิมนาสติกโซเวียต ที่เคยครองเหรียญโอลิมปิกมากที่สุดในโลกรวม 18 เหรียญ ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเหรียญทอง 9 เหรียญ
ฉลามหนุ่มวัย 27 ปี บอกไว้ในวันที่เขาได้เหรียญโอลิมปิกที่ 19 ว่าเขาจะไม่เข้าร่วมการว่ายน้ำในโอลิมปิกอีก 4 ปีข้างหน้าแล้ว เพราะเขาเคยบอกกับตัวเองไว้ว่า ไม่อยากว่ายน้ำอีกแล้วตอนที่อายุ 30 ปี ล่าสุด เขาได้โพสต์ในทวิตเตอร์ว่า ถึงเวลาที่ต้องเดินหน้าต่อไป ยังมีอะไรอีกมากมายที่อยากทำในชีวิตนี้ อาจเป็นการเริ่มต้นด้วยการเป็นกรรมการว่ายน้ำ
ข้อมูลจาก www.Sport-idol.com