ขอตัวช่วย! ให้ เข้าใจภาษาอังกฤษได้ง่ายขึ้น
เรื่องที่คงเป็นอุปสรรคอันดับแรก ที่ทำให้คนต่างเชื้อชาติไม่เข้าใจกัน นั่นคือ เรื่องของภาษาค่ะ เพียงแค่ภาษาไทยบ้านเรา คนแต่ละภาคก็มีคำศัพท์ น้ำเสียง และสำเนียงแตกต่างกันแล้ว เช่นการที่เอาคนเหนือกับคนใต้แท้ๆมาคุยกัน ต่างฝ่ายก็คงจะฟังกันไม่ค่อยจะรู้เรื่อง
ในโลกนี้มีภาษามากถึง 5 พันภาษาค่ะ ที่ใช้เยอะที่สุดก็คือภาษาจีน ส่วนภาษาที่ถือว่าเป็นภาษาสากลอย่างภาษาอังกฤษ มีคนใช้เยอะที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ค่ะ
เมื่อพูดถึงเรื่องของภาษาแล้ว ทำให้อดนึกถึงที่มาที่ไปของศัพท์ภาษาอังกฤษ คำว่า”จิงโจ้”ไม่ได้ ไหนๆ ก็พูดขึ้นมาแล้วก็เล่ากันสักหน่อย ในสมัยที่อังกฤษเพิ่งจะค้นพบทวีปออสเตรเลียใหม่ๆ เจมส์ คุก กับนักสำรวจของเขา โจเซฟ แบงค์ กำลังสำรวจทวีปออสเตรเลียอยู่นั้น พวกเขาก็ได้พบสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสองขาที่กระโดดไปมา มีลูกน้อยอยู่ในกระเป๋าหน้าท้อง เป็นสัตว์ที่แปลกประหลาดไม่เคยพบเคยเห็น
ด้วยความสนใจและสงสัยเขาจึงไปถามชนเผ่าพื้นเมืองอะบอริจิน ว่า “What is that thing?” (นั่นมันตัวอะไร?) ชาวพื้นเมืองก็ตอบไปว่า “Kangaroo” (ผมไม่รู้ว่าคุณพูดอะไร?) ก็นั่นล่ะสิ ชาวอะบอริจิน(สมัยนั้น)ที่ไหนจะไปเข้าใจภาษาอังกฤษ ชาวอังกฤษก็เลยเรียกจิงโจ้ว่า “Kangaroo” (ตามคุณเจมส์ คุก ได้ยิน) สืบต่อๆกันมา
และแล้ว ในที่สุดเจ้าตัว “ผมไม่รู้ว่าคุณพูดอะไร” ก็กระโดดอยู่ในสวนสัตว์ทั่วโลกตั้งแต่นั้นมา นี่แหละหนาความไม่เข้าใจทางภาษาของมนุษย์ ทำให้จิงโจ้ต้องมารับเคราะห์ มีชื่อประหลาด (ในภาษาพื้นเมืองอะบอริจิน) แทน
สมัยนี้คนเราเข้าใจเรื่องของภาษาอังกฤษกันมากขึ้น เพราะมีการรวบรวมคำศัพท์ไว้ในหนังสืออย่างดิกชันนารี เวลาเจอคำศัพท์แปลกๆ ที่ไม่รู้จัก ก็เปิดดิกชันนารีหาเอา แต่กว่าจะเจอคำศัพท์ที่ต้องการ มันช่างแสนจะยากเย็น เพราะหนังสือดิกชันนารีนั้น เล่มนึงหนาอย่างกะอะไรดี ต้องเปิดหากันให้วุ่นวาย
แต่ถ้าหากต้องมาแปลประโยคยาวๆ ที่มีหลายคำ นี่ก็ทำเอาเหงื่อตกไปเหมือนกัน โชคดีที่สมัยนี้มีคอมพิวเตอร์ช่วยผ่อนแรง แค่เปิดโปรแกรมแปลภาษา อยากรู้คำศัพท์หรือประโยคไหนก็พิมพ์ลงไปในโปรแกรม โปรแกรมแปลภาษาก็จะแปลออกมาให้ด้วยความรวดเร็ว
โปรแกรมแปลภาษาที่ใช้กันเยอะ ยอดฮิตก็เห็นจะเป็นฟังก์ชันหนึ่งของ Google นั่นคือ Google Translate เพราะว่าเปิดโปรแกรมนี้ที่ไหนก็ได้ ขอแค่มีอินเตอร์เน็ต ไม่ต้องลงโปรแกรมแปลภาษาไว้ในเครื่องให้ยุ่งยาก แต่ก็มีเสียงบ่นอุบอิบจากผู้ใช้งานว่าแปลมั่วบ้าง บางคำศัพท์ก็ไม่มี ไม่ครอบคลุมบ้าง
ยิ่งเวลาประโยคภาษาอังกฤษแบบที่เป็นประโยคยาวๆ ซับซ้อนแล้วล่ะก็ แปลออกมาเป็นภาษาไทยก็ค่อนข้างจะเพี้ยน ประโยคก็จะสลับกันไปมา จะต้องแปลไทยให้เป็นไทยอีกทีหนึ่ง ข้อดีของ Google Translate นี้ก็คือ มีการอัพเดตอยู่ตลอดเวลา ข้อเสียที่ว่ามาอีกไม่นานทางผู้พัฒนาก็คงจะสามารถแก้ไขให้ดีขึ้นได้ นอกจากจะแปลภาษาอังกฤษเป็นไทย ไทยเป็นอังกฤษได้แล้ว โปรแกรมแปลภาษา Google Translate นี้ยังสามารถแปลภาษาอื่นๆ ได้อีกหลายภาษาเลยทีเดียว
หากจะต้องพูดคุยกับเจ้าของภาษาแล้ว เกิดติดขัดคำศัพท์ไหนขึ้นมา จะมาเปิดดิกชันนารีหรือโปรแกรมแปลภาษาในคอมพิวเตอร์มันก็คงจะชักช้า ไม่ได้ความ แต่ด้วยนวัตกรรมสมัยนี้ มีแอพพลิเคชั่นสำหรับแปลภาษาด้วยเสียง ที่ติดตั้งบนสมาร์ทโฟน แค่ใช้เสียงพูด ตัวโปรแกรมแปลภาษาก็จะแปลออกมาให้ทันที
ยกตัวอย่างเช่นสมมุติเราไปเที่ยวที่อเมริกาแล้วเกิดต้องการถามคนละแวกนั้นว่า “นี่คืออะไร?” แค่เพียงเปิดโปรแกรมแล้ว พูดด้วยเสียงภาษาไทย โปรแกรมก็จะแปลเป็นเสียงภาษาอังกฤษให้คนที่เราถามว่า “What’s this?” ถ้าคนที่เราถามตอบกลับมาว่า “It is a sundial.” โปรแกรมแปลภาษาก็จะแปลภาษาอังกฤษกลับเป็นเสียงภาษาไทยให้เราว่า “นี่คือนาฬิกาแดด” ช่างเป็นตัวช่วยที่สะดวก รวดเร็วเสียจริงๆ
ส่วนเว็บไซต์ยอดนิยมที่ใช้ในการแปลภาษา มีดังนี้ค่ะ
– Google Translation
– Bing Translation
– Yahoo Translation
หลายคนอาจจะคิดว่า เดี๋ยวนี้มีตัวช่วยที่จะช่วยแปลภาษาต่างๆ ให้กับเรา จึงไม่มีความจำเป็นที่เราจะต้องเรียนภาษา เพราะถึงยังไงก็มีตัวช่วยแปลให้อยู่แล้ว เข้าใจเหมือนกัน นั่นเป็นความเชื่อที่ไม่ค่อยจะถูกต้องนัก
การแปลภาษานั้นบางครั้งไม่ได้แปลแค่มิติเดียวตรงตัว อาจจะมีสำนวณหรือสุภาษิตที่มีความหมายแฝงอยู่ หากเราไม่เข้าใจมันก็ไม่สามารถแปลคำหรือประโยคนั้นได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์ ดังนั้นการเรียนรู้ภาษานั้นยังคงเป็นเรื่องที่จำเป็นอยู่ดีค่ะ