ทำผิดกฎหมายในอเมริกาโดยไม่ตั้งใจ
กฎหมาย หมายถึง กฎที่สถาบันหรือผู้มีอํานาจสูงสุดในรัฐตราขึ้น หรือที่เกิดขึ้นจากจารีตประเพณีอันเป็นที่ยอมรับนับถือ เพื่อใช้ในการบริหารประเทศ เพื่อใช้บังคับบุคคลให้ปฏิบัติตาม หรือเพื่อกําหนดระเบียบแห่งความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลหรือระหว่างบุคคลกับรัฐ (พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน) ดังนั้น คนที่อยู่ภายใต้กฎหมายในสังคมหนึ่งๆต้องรู้และเข้าใจกฎเหล่านี้และจะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้โดยเด็ดขาด
เมื่อไปอยู่ในต่างบ้านต่างเมืองต่างประเทศเราก็ต้องศึกษาและเรียนรู้กฎหมายของที่นั้น เพราะกฎของการอ้างว่าไม่รู้กฎหมายนั้นเป็นกฎทั่วไปที่บังคับให้ทุกคนรู้กฎหมาย โดยทั่วไปกฎหมายโดยรวมของแต่ละประเทศนั้นก็จะเหมือนกัน เพราะมันมาจากสามัญสำนึกของความถูกผิดธรรมดา แต่มันก็ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยที่เราอาจจะคิดไม่ถึงและทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จนเกิดเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายได้ อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วก็อยากจะเอามาบอกเล่าเก้าสิบกันจะได้ไม่พลั้งเผลอ แต่บอกก่อนนะคะว่าไม่ได้เรียนจากประสบการณ์จริง แต่ข้อมูลที่เอามาบอกนี้ได้มาจากการเรียนรู้จากหนังสือหรือข่าวสารต่างๆค่ะ ตอนนี้ประวัติยังดีขาวสะอาดอยู่ค่ะ
เริ่มจากเรื่องของหนึ่งในปัจจัยสี่กันก่อนนะคะ นั่นก็คือเรื่องของยารักษาโรคค่ะ ตามปกติ เวลารู้สึกไม่สบายก็ไม่อยากไปหาหมอถึงแม้ว่าจะมีประกันสุขภาพไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรแต่ก็ไม่อยากไปเพราะเสียเวลามากค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าไม่หนักหนาก็จะไปซื้อยามารับประทานเอง ยาสามัญประจำบ้านทั่วๆไปก็มีขายที่ตามซุปเปอร์มาร์เกต หรือไม่ก็ร้านค้าเบ็ดเตล็ดทั่วไป ซึ่งยาเหล่านี้ก็ใช้ร่วมกันหรือแบ่งให้คนอื่นได้ตามคำแนะนำบนฉลากยา แต่ปกติเราไม่ควรรับยาจากคนอื่นนะคะเพราะเดี๋ยวนี้มิจฉาชีพมีทุกรูปแบบ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะมาเตือนนะคะ เรื่องที่อยากจะเตือนเป็นเรื่องของยาที่ได้มาจากแพทย์หรือยาที่ต้องมีใบสั่งยากำกับค่ะ
ยาที่ได้มาจากแพทย์หรือยาที่ต้องมีใบสั่งยากำกับ เรียกในภาษาอังกฤษว่า Prescription Drug หรือคนทั่วไปอาจจะเรียกสั้นๆว่า Prescription ค่ะ เวลาที่เราไปหาหมอ หลังจากที่หมอตรวจแล้วถ้าเราป่วยในระดับทั่วไปและอาจจะสามารถหายเองได้ คุณหมอเขาก็อาจจะแค่บอกวิธีดูแลตัวเองหรือถ้าอาการเจ็บป่วยทำให้เรารำคาญหรือกระทบกระเทือนกับการทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวัน คุณหมอเขาก็อาจจะบอกว่าซื้อยาสามัญประจำบ้านมาทานเองได้ แต่ถ้าหนักหนาหน่อยต้องจ่ายยาทีนี้แหละค่ะ คุณก็จะได้รับ Prescription
ยาพวกนี้ถึงแม้ว่าชื่อจะบอกเป็นยาแก้ปวดแก้ไข้ธรรมดาแต่ก็อาจจะมีส่วนผสมที่แตกต่างจากยาสามัญประจำบ้านทั่วไปที่มีสรรพคุณเดียวกัน เช่น มีความแรงมากกว่า อาจจะมีส่วนผสมของยากล่อมประสาทที่มีฤทธิ์เหมือนยาเสพติด ซึ่งการที่เราใช้โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์ผู้มีอำนาจจ่ายยาก็จะถือว่าเราใช้สารเสพติดค่ะ
ในเรื่องการใช้ Prescription โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์นี้รวมไปถึงการรับประทานยาของตัวเองด้วยนะค่ะ ถ้าจะบอกทิ้งไว้แค่นี้ก็คงจะงงกันใหญ่ อย่างนั้นก็ต้องขยายความกันอีกหน่อยค่ะ คือเวลาเราไปหาหมอที่อเมริกานี่ คุณหมอตรวจแล้วก็ทำการวินิจฉัยว่าเราต้องการยา Prescription หรือไม่ และถ้าต้องใช้ยาควรใช้มากน้อยแค่ไหนและนานเท่าไรค่ะ ถ้าจะเป็นการใช้ติดต่อกันในระยะเวลาที่นานสักหน่อยคุณหมอก็จะระบุว่าสามารถกลับมารับยาเพิ่มได้เมื่อยางวดแรกหมดแล้ว ตรงนี้ก็เข้าใจกันดีใช่ไม๊คะ คราวนี้ในการสั่งยาแต่ละครั้งคุณหมอเขาก็จะระบุไว้ด้วยว่ายานั้นจะใช้ในระยะเวลานานเท่าไรซึ่งจะสั้นกว่าอายุของยา
อย่างยาแก้ปวดบางชนิดที่มีฤทธิ์กล่อมประสาท ซึ่งอายุการใช้งานปกติสามารถเก็บไว้ข้ามปีก็ไม่เสีย แต่เพราะมันมีสารเสพติดคุณหมอจะให้ไว้แต่ระบุว่าใช้เมื่อจำเป็นจนถึงเมื่อไร และส่วนใหญ่เราจะใช้ยาพวกนี้ไม่หมดแต่เราไม่มีอาการอะไรที่เกี่ยวข้องกับยานั้นแล้ว สมมติว่าไปหาหมอและได้ Prescription เป็นยาแก้ปวดมาโดยคุณหมอระบุว่าใช้เมื่อมีอาการเป็นเวลา 10 วัน จากนั้นอาจจะเป็นเวลาหนึ่งเดือนหลังจากรับยามา แต่ยายังเหลืออยู่ส่วนมากเราก็จะเก็บยาไว้ใช้เพราะคิดว่าเราอาจจะปวดหัวตัวร้อนขึ้นมาอีกก็จะได้ใช้เพราะมันเป็นยาแก้ปวดเหมือนกัน ทีนี้เวลาผ่านไปหกเดือนเกิดปวดแขนปวดขาขึ้นมานึกขึ้นได้ว่ายาเก่ายังเหลืออยู่เลยเอามาทาน อย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาดนะคะเพราะถึงแม้ว่าตัวยายังไม่เปลี่ยนสีเปลี่ยนกลิ่นยังไม่หมดอายุ แต่อายุการอนุญาตให้ใช้ยาตัวนี้ของคุณนั้นได้หมดไปแล้วค่ะ ถ้าบังเอิญไปสมัครงานหรือมีการตัวเลือด ตรวจปัสสาวะ ไม่ว่าจะด้วยกรณีไหนๆก็ตามสารในตัวยาจะแสดงผลออกมา และกลายเป็นว่าเราทำผิดกฎหมายเพราะใช้ยา Prescription โดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นการเสพสารเสพติดค่ะ
กรณีใช้รับประทานยาของตัวเองแต่กลายเป็นว่าทำผิดกฎหมายโดยไม่ตั้งใจนี้ต้องระวังมากๆค่ะ เพราะจะทำให้มีประวัติเสียติดตัวบางรายถูกจับดำเนินคดีตามกฎหมายขั้นรุนแรงเลยก็มีค่ะ และก็รวมถึงการแบ่งยา Prescription ให้ผู้อื่นหรือใช้ร่วมกับผู้อื่นก็จะมีผลอย่างเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าของยา Prescription นั้นๆก็จะถูกดำเนินคดีด้วยเช่นกันเพราะเราได้รับอนุญาตให้ใช้ยา แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้จ่ายยาแก่ผู้อื่นใช่ไม๊คะ คราวนี้มีคำถามว่าแล้วจะรู้ได้อย่างไร หรือ ถ้าลืมไปแล้วว่าคุณหมอเขาอนุญาตให้ใช้นานเท่าไรล่ะ ตรงนี้ง่ายมากเพราะที่ขวดยาจะระบุคำอธิบายการใช้ว่าควรใช้เท่าไร เมื่อไร อย่างไร และนานเท่าไร และอาจจะบอกวิธีทิ้งยาให้คุณได้ทิ้งยาได้อย่างถูกต้องอีกด้วย ถ้าไม่แน่ใจก็โทรศัพท์ไปถามคุณหมอเลยก็ได้ค่ะ
อย่าลืมนะคะอย่ารับยาจากคนอื่น อย่าแบ่งยาที่คุณหมอสั่งจ่ายให้คนอื่นใช้ และอย่าเก็บยาไว้ใช้ในโอกาสต่อไปหลังจากไม่มีอาการแล้ว เพราะอาจจะเป็นการทำผิดกฎหมายโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้ ถ้ายาเหลือก็เอาไปคืนให้ร้านขายยาหรือคลินิกเพื่อให้เขาจัดการเอายาไปทิ้งให้เราก็ได้ หรือไม่ก็ทิ้งยาตามที่เขาแนะนำมา ถ้าสงสัยไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรก็โทรศัพท์ถามคุณหมอได้ตลอดเวลาค่ะ
By Supakorn, Intercultural Consulting and Services
ขอบคุณภาพประกอบจาก: www.cartoonmovement.com,www.natickvna.org
speedsleep.com