ประสบการณ์สุดฮากับการซักผ้าและ ล้างจานในอเมริกา
ประสบการณ์สุดฮากับการซักผ้าและ ล้างจานในอเมริกา- การซักผ้ากับ ล้างจานอาจเป็นเรื่องธรรมดาๆของใครหลายคน แต่สำหรับน้ำตาลเองมีอยู่หลายครั้งที่มันค่อยจะไม่ธรรมดา วันนี้เลยอยากนำเรื่องเปิ่นๆฮาๆมาเล่าให้เพื่อนๆได้ฟังกันพอได้คลายเครียดบ้าง
เริ่มกันที่เรื่องแรกเลยแล้วกันนะคะกับ “การซักผ้าในอเมริกาครั้งแรกของฉัน” เพื่อนๆคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าที่ประเทศสหรัฐอเมริกานั้นเขาจะซักผ้ากันด้วยเครื่องซักผ้าและทำให้แห้งโดยใช้เครื่องอบผ้าที่ใช้พลังงานความร้อนเพื่อทำให้ผ้าแห้ง น้ำตาลไม่ได้มีปัญหากับไอ้เครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าหรอกค่ะ แต่เรื่องมันเริ่มต้นตอนสัปดาห์แรกที่น้ำตาลเดินทางมาเป็นออแพร์ให้โฮสแฟมิลี่
โฮสแม่ของน้ำตาลก็สอนน้ำตาลใช้เครื่องซักผ้ากับเครื่องอบผ้าว่าปุ่มนี้ใช้ยังไงหรือระบบนี้ควรใช้กับผ้าแบบไหนซึ่งมันก็ไม่ได้ยากอะไรมากมาย จะยากก็แค่ตรงน้ำยาซักผ้ากับน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มันไม่ได้เป็นยี่ห้อเหมือนกับที่บ้านเราและก็ไม่ได้มีรูปบอกเราว่าควรใช้อะไรยังไง ซึ่งน้ำตาลก็จำสีขวดเอาค่ะและก็ใช้ตามที่โฮสแม่สอนนั่นแหละ
แต่บ้านนี้เข้มงวดเรื่องการแยกผ้ามาก นอกจากจะต้องแยกสีผ้าแล้ว ชุดนอนกับชุดเล่นก็ห้ามซักรวมกัน ผ้าเช็ดตัวกับผ้าปูที่นอนก็ห้ามซักรวมกัน เสื้อผ้าเด็กกับผู้ใหญ่ก็ห้ามรวมกันแม้จะเป็นเด็กโตก็เหอะ และเมื่อซักผ้าเสร็จแล้วก็ห้ามอบแห้งทุกตัว โดยต้องมาแยกก่อนว่าอันไหนอบได้อันไหนอบไม่ได้
ผ้าที่อบได้ก็พวกชุดนอน ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว ปลอกหมอน ส่วนพวกที่อบไม่ได้ก็พวกชุดทำงานโฮส ชุดเที่ยวน้อง ชุดว่ายน้ำ และชุดราคาแพงๆทั้งหลาย โดยชุดเหล่านี้ต้องเอาไปตากที่ราวให้แห้งค่ะ อ่านมาตั้งนานละ เพื่อนๆคงยังไม่เห็นว่ามันน่าจะมีปัญหาตรงไหน งั้นบอกเลยแล้วกันค่ะว่าไอ้สิ่งที่น้ำตาลไปมีปัญหาด้วยก็เรื่องตากผ้าที่ล่ะ
เช้าวันนั้นเพิ่งจะเป็นวันที่ 3 หรือวันที่ 4 ที่น้ำตาลได้เริ่มต้นทำงานกับครอบครัวนี้ อากาศข้างนอกบ้านแจ่มใสดีมาก ท้องฟ้าก็ปลอดโปร่ง แสงแดดอ่อนๆในฤดูใบไม้ผลิที่ไม่ได้ทำให้ร้อนหรือหนาวจนเกินไป ทำให้น้ำตาลทำงานบ้านกับเลี้ยงน้องได้อย่างเพลิดเพลินจำเริญใจเป็นอย่างยิ่ง โฮสพ่อไม่อยู่บ้านค่ะบินไปทำงานที่ต่างประเทศ ส่วนโฮสแม่ที่ทำงานอยู่บ้านก็ติดสายโทรศัพท์ทั้งวันและไม่เดินออกมาจากในห้องทำงานเลยตั้งแต่เช้าตรู่
พอน้ำตาลซักผ้าเสร็จมันก็จะมีผ้าส่วนหนึ่งที่อบแห้งไม่ได้แล้วเราต้องนำไปตาก คราวนี้เพิ่งนึกได้ว่าโฮสสอนบอกแค่ให้เอาราวตากผ้าที่พับอยู่ในซอกของห้องซักผ้าไปกางแล้วใช้ตากผ้า แต่โฮสไม่ได้บอกว่าควรเอาไปกางและตากผ้าได้ที่ไหน ขอบอกตามตรงว่าห้องทุกห้องในบ้านนั้นเต็มไปด้วยสิ่งของและไม่ได้มีพื้นที่ที่น้ำตาลคิดว่าจะกางราวตากผ้าเพื่อใช้ตากผ้าได้เลย พื้นที่ที่น้ำตาลคิดว่าจะกางราวตากผ้าได้ก็มีแค่ในห้องนั้งเล่นตรงหน้าทีวี แต่เพื่อนๆลองนึกดูนะคะว่าใครจะไปตากผ้าตรงกลางระหว่างจอทีวีกับโซฟา
ครั้นจะไปเคาะประตูห้องทำงานโฮสแม่เพื่อไต่ถาม เสียงของโฮสแม่ที่คุยงานลอดผ่านออกมาก็ทำให้เราไม่กล้ารบกวน จะโทรถามโฮสพ่อที่ตอนนี้อยู่ต่างประเทศก็คงไม่ใช่เรื่อง ดังนั้นน้ำตาลจึงลากราวตากผ้าไปกางที่ระเบียงไม้กว้างที่หลังบ้านเพื่อตากผ้าทั้งหมดค่ะ แสงแดดเต็มฟ้าที่ไม่ได้ร้อนจัดบวกกับสายลมพัดโชยเบาๆอย่างกับเรากำลังแสดงเอ็มวีเพลงไทยที่ผู้หญิงทำงานบ้านไปร้องเพลงเลี้ยงลูกไปเพื่อรอสามีกลับบ้าน โหยยยย… ในช่วงเวลานั้นขอบอกว่าอารมณ์ดีมาก เสียแต่ว่าเรื่องจริงน้ำตาลยังหาคนแต่งงานด้วยไม่ได้นี่สิ
แล้วก็งานเข้าค่ะเมื่อโฮสแม่เดินออกมาจากห้องทำงานเพื่อหาข้าวทานในตอนบ่ายแล้วเหลือบไปเห็นเสื้อผ้าที่เราตากไว้ข้างนอกบ้าน >.<
โฮส : “เธอทำอะไรเนี๊ย? ไปเก็บผ้าเข้ามาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
น้ำตาล : “ทำไมเหรอคะ? วันนี้ฉันไม่คิดว่าฝนจะตกหรอก”
โฮส : “เธอเห็นบ้านไหนเขาตากผ้ากันข้างนอกบ้าง?”
น้ำตาล : “คนไทยตากกันทุกบ้านเลยค่ะ”
โฮส : ชักสีหน้าไม่พอใจแล้วเดินออกไปหอบผ้าที่น้ำตาลตากไว้นอกบ้านเข้ามาแล้วบ่นพึมพำๆ
น้ำตาล : “ฉันขอโทษค่ะ เพราะฉันไม่รู้ว่าควรจะตากที่ไหนเพราะคราวที่แล้วคุณไม่ได้บอก จะเข้าไปถามก็เห็นคุณทำงานอยู่ กลัวจะเป็นการรบกวน”
โฮส : “ก็ตากที่หน้าบันไดไงแล้วก็พาดๆไปเลยที่ตามระเบียงแบบนี้ๆ” พูดไปด้วยก็จับผ้าพาดๆไปตามระเบียงบันไดในบ้านให้น้ำตาลดูด้วย
“เธอไม่รู้เหรอว่าข้างนอกมันมีฝุ่นแล้วเชื้อโรคก็เยอะแยะเต็มไปหมด”
น้ำตาล : “ค่ะ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ!!!”
มาต่อกันด้วยเรื่องที่สองกันเลยดีกว่าค่ะนั่นก็คือเรื่องการล้างจานซึ่งโดยปกติคนอเมริกันส่วนใหญ่เขาจะใช้เครื่องล้างจานกัน แต่บ้านที่น้ำตาลไปเป็นออแพร์ใช้ในปีแรกนั้นน้ำตาลไม่เคยได้แตะเครื่องล้างจานเลยค่ะ ล้างด้วยมือตัวเองมาตลอดหนึ่งปีเต็มโดยโฮสอ้างเหตุผลว่าเครื่องมันพัง! แต่น้ำตาลก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาไม่ซ่อมหรือซื้อเครื่องใหม่ นั่นอาจเป็นเพราะเขาเห็นว่าน้ำตาลทำให้ได้เลยไม่คิดว่ามันจำเป็น
แต่ขอบอกเลยว่าหนึ่งเดือนแรกที่ไปถึงนี่มือเน่าเลยค่ะ แตกตามข้อ เป็นแผลและมีเลือดไหลซึมตลอด ในตอนนั้นเป็นหน้า Spring ที่กำลังจะเปลี่ยนเข้า Summer ซึ่งพอเราบอกโฮสแม่ เขาก็ให้เหตุผลกับเราว่ามันเป็นเพราะอากาศหนาวแล้วร่างกายของเรายังปรับตัวไม่ได้น่ะ
ตอนแรกก็เชื่อค่ะเพราะโฮสแม่เคยอยู่ Australia มาก่อนที่จะแต่งงานแล้วย้ายมาอยู่อเมริกากับโฮสพ่อ ซึ่งนางเล่าต่อว่าตอนมาแรกๆมือของนางก็เป็นแบบที่เราเป็นนี่แหละเพราะโฮสแม่มาช่วงเดือนเดียวกับที่เรามา(มีนาคม) เป็นแค่แปบๆเดี๋ยวก็หายแล้วพอ Fall หรือ Winter ก็รับรองว่าจะไม่เป็นอีกแน่นอน แต่ที่ไหนได้ล่ะคะทำงานกับเขามาหนึ่งปีเต็มมือก็เน่าทั้งปีนั่นแหละค่ะ ดีขึ้นก็ตอนจบโครงการโน่นเลย เอาล่ะค่ะนอกเรื่องมานานขอกลับมาที่ประสบการณ์ที่น้ำตาลจะเล่าจริงๆกันดีกว่าโดยขอใช้ชื่อเรื่องว่า “การใช้เครื่องล้างจานครั้งแรกของฉัน”
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อน้ำตาลย้ายมาทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้กับอีกครอบครัวหนึ่งค่ะ ความจริงโฮสพ่อกับโฮสแม่บ้านนี้ใจดีมากนะคะ น้ำตาลไม่ต้องทำงานบ้านเช่นล้างถ้วยล้างจานหรอกค่ะ แต่วันนั้นดันมีจิตอาสาเห็นว่าเขายุ่งๆกันอยู่เลยอยากช่วยกดปุ่มรันไอ้เจ้าเครื่องล้างจานให้ก่อนเราไปนอน เพื่อว่าตอนเช้าตื่นขึ้นมาจะได้เก็บถ้วยจานเรียงใส่ตู้ได้เลย
แล้วน้ำตาลก็เปิดฝ้าเจ้าเครื่องล้างจานอัตโนมัติออกมาค่ะ แล้วก็ทำเป็นจัดการเรียงถ้วยชาม ช้อนส้อมให้เข้าที่ดูดีอีกสักหน่อยเพื่อว่าเมื่อกดปุ่มเปิดระบบทำงานไปแล้วมันจะได้ทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง อารมณ์ในวันนั้นก็ประมาณถือแก้วน้ำอยู่ในมือ จิบน้ำไปฮัมเพลงไปด้วยและก็มองหาช่องใส่น้ำยาล้างจานด้วย อ่า… เจอละ คราวนี้ก็แค่เทน้ำยาล้างจานลงไป ปิดฝาช่องใส่น้ำยาให้มิดชิด ปิดฝาเครื่องล้างจานให้สนิท จากนั้นก็บิดๆตรงที่บิดเพื่อเลือกไปยังระบบการล้างจานที่ต้องการ
อืม… Heavy wash รึเปล่าน้า?? Light wash ก็กลัวจะไม่สะอาด เอาเป็น Normal wash นี่ละ พอบิดไอ้ปุ่มหมุนๆไปแล้วก็ได้ยินเสียงคลุกคลิกๆเบาๆ ได้ยินเสียงระบบน้ำในเครื่องมันทำงานได้ปกติก็สบายใจ ยิ้มให้ตัวเองน้อยๆ เออ… เราก็เก่งเหมือนกันนะเนี๊ย ใช้เครื่องล้างจานด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกได้อย่างไม่มีปัญหา จิบน้ำต่ออีกหน่อยดีกว่าก่อนจะล้างแก้วคว่ำไว้แล้วเดินสบายๆสวยๆเข้าห้องไปเตรียมตัวนอน แต่แล้วซักพักโฮสแม่ก็มาเคาะประตูห้อง
โฮสแม่ : “น้ำตาลลลล…”
น้ำตาล : “จ๋าาาาาาา…”
โฮสแม่ : “ออกมาดูผลงานตัวเองเร้ววว!”
น้ำตาล : “เครื่องล้างจานใช่ไหมคะ? แหะๆ” ยิ้มหน้าเหยเก
โฮสแม่ : “เยส!!”
คราวนี้เลยเดินคอตกตามหลังโฮสแม่มาต้อยๆ ที่เครื่องล้างจานแล้วก็เห็นโฮสพ่อนั่งวิดน้ำอยู่อย่างขมักเขม้น โฮยยย…. ฟองเต็มตู้เลยค่ะแถมยังไหลลงมาที่พื้นบ้านยาวเป็นทาง
โฮสแม่ : “ใส่น้ำยาอันไหนไปจ๊ะ”
น้ำตาล : “อันในขวดสีเหลืองๆมีรูปมะนาวบนซิ้งค์ล้างจานอ่ะค่ะ”
โฮสแม่ : “ทีหลังใช้อันนี้ที่มีเขียนว่า Dishwasher Detergent นะ!!!”
น้ำตาล : “ค่ะ ขอโทษอีกครั้งนะคะ” -..-
สรุปคืนนั้นกว่าจะได้นอนก็ต้องล้างฟองในเครื่องล้างจานกันอยู่หลายรอบเลยล่ะค่ะ ยังกะอยู่ในปาร์ตี้โฟม จานชามทุกใบนี่สะอาดใสปิ้งกันเลยทีเดียว >.<
อยากไปทำงานที่อเมริกาคร้าแต่ติดตรงที่เราอ้วนมากกล้วเค้าไม่รับมใครช่วยแนะนำหน่อยได้ปล่าคร้า