เก็บตก งานออสการ์ในอเมริกา
ถึงแม้ว่าจะผ่านไปแล้วกับการประกาศผลรางวัลออสการ์ในอเมริกา แต่กลิ่นอายบรรยากาศของงานประกาศผลรางวัลครั้งนี้ ยังอบอวลไปด้วยความสุข ความชื่นมื่น และนับว่าประสบความสำเร็จมากที่สุดสำหรับการประกาศผลรางวัลออสการ์ในรอบสิบปีที่ผ่านมากันเลยทีเดียว โดยมีการเปิดเผยจากบริษัทวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลด้านการตลาดชั้นนำของโลกในอเมริกา “นีลเสน” ได้รายงานว่าในขณะที่โทรทัศน์ได้ทำการถ่ายทอดสดพิธีการมอบรางวัลตุ๊กตาทอง “ออสการ์” ครั้งที่ 86 นั้น
ปรากฏว่า มีผู้ชมการถ่ายทอดสดรายการนี้ถึง 43 ล้านคน นี่เป็นสถิติเฉพาะในอเมริกาเท่านั้นนะ ไม่รวมประชากรทั้งหมดทั่วโลกที่เฝ้าชมการถ่ายทอดสดการมอบรางวัลออสการ์ในครั้งนี้ด้วย แน่นอนว่า มันสร้างความประหลาดใจ ปนไปกับความปลื้ม ปิติยินดี ทั้งนี้เพราะมันได้ทำลายสถิติการออกอากาศของรายการทุกรายการที่เคยมีมากจนหมด
ทั้งนี้ น่าจะเป็นบรรยากาศโดยรวมที่ประชาชนให้ความสนใจพิธีมอบรางวัลในครั้งนี้ แต่หลายๆ เสียงที่สะท้อนกลับมา เผยให้เห็นว่า น่าจะมาจากตัวพิธีกร เอเลน ดีเจเนอเรส พิธีกรรายการทอล์คโชวชื่อดัง ซึ่งได้รับการเชิญให้มารับหน้าที่ผู้ดำเนินการรายการประกาศผลรางวัลออสการ์เป็นครั้งที่ 2
โดยดีเจเนอเรส เป็นผู้สร้างสรรบรรยากาศในงานให้เต็มไปด้วยความสนุกสนาน และมีสีสัน ด้วยการหยอดอารมณ์ขัน กระเซ้าเย้าแหย่เหล่าดารา การสั่งพิซซ่ามาแจกบรรดาผู้มีเกียรติที่ได้รับเชิญมาร่วมงานในครั้งนี้ และการถ่ายรูป “เซลฟี” ที่ล้วนแต่เต็มไปด้วยใบหน้าของเหล่าดารา และคนดังทั้งหลายในวงการบันเทิง แน่นอนว่า เป็นที่ชื่นชอบของผู้ติดตามการถ่ายทอดสดครั้งนี้ จนถึงกับมีการรีทวีตบนทวิตเตอร์มากที่สุด เป็นจำนวนกว่า 3 ล้านครั้ง ว้าววววว!!!
สำหรับรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ก็ได้แก่ภาพยนตร์เรื่ง 12 Years a Slave ซึ่งเป็นภาพยนตร์ดราม่า ย้อนยุค อันเป็นเรื่องราวของทาสผิวดำในอเมริกา คล้ายๆ กับซีรีย์ในอดีตเรื่อง “Root” ที่ได้รับความนิยมจากคนไทยทั่วประเทศ เมื่อครั้งที่ช่อง 3 ได้นำมาออกอากาศกันเลยทีเดียว
จากผลรางวัลที่ได้ในครั้งนี้ สร้างประวัติศาสตร์ให้กับคนผิวดำในอเมริกา เนื่องจาก 12 Years a Slave นอกจากจะเป็นภาพยนตร์ของคนผิวดำแล้ว ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นคนผิวดำด้วยเช่นกัน นั่นคือ SteveMcQueen ผู้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับวงการภาพยนตร์ในอเมริกา และเป็นผู้ชนะ ได้ครองรางวัลสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม เป็นเรื่องแรกของคนผิวดำบนเวทีออสการ์อีกด้วย และนับจากนี้เป็นต้นไป วงการภาพยนตร์อเมริกา ก็จะเปลี่ยนโฉมไปอีก เนื่องจากได้มีการยอมรับแล้วว่า คนผิวดำก็มีความสามารถไม่แพ้คนผิวขาวเช่นกัน