แวะเยี่ยมลุงทรัมป์! 14 ที่เที่ยวห้ามพลาดในกรุง วอชิงตัน ดี.ซี.
ขอเกาะกระแส “โดนัลด์ ทรัมป์” (Donald Trump) ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกากันหน่อย (จะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม 2017) ซึ่งแน่นอน ทำเนียบขาว ก็เป็นสถานที่ทำงานและที่พักอาศัยของประธานาธิบดี เราเลยอยากแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในกรุง วอชิงตัน ดี.ซี. ที่เป็นที่ตั้งของทำเนียบขาว มาฝากกัน เผื่อใครอยากจะแวะเวียนไปหาลุงทรัมป์ แต่ก็อาจจะยากหน่อย เพราะลุงทรัมป์ มีนโยบาย(จากการเลือกตั้ง) ตรวจเข้มคนเข้าเมืองหนักกว่าเดิม! ..
แวะเยี่ยมลุงทรัมป์!
14 ที่เที่ยวห้ามพลาดในกรุง วอชิงตัน ดี.ซี.
วอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเป็นเมืองหลวงของสหรัฐอเมริกา ติดต่อกับรัฐเวอร์จิเนียและรัฐแมริแลนด์ อยู่ในเขตฝั่งซ้ายของแม่น้ำพอตอแมก (Potomac River) ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญมากมาย เช่น ทำเนียบขาว (White House) สถานที่ทำงานและที่พักอาศัยของประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ถูกใช้มากกว่า 200 ปีแล้ว ตามมาดูกันว่า ที่นี่จะมีแหล่งท่องเที่ยวอะไรที่น่าสนใจบ้าง >,<
1. ทำเนียบขาว (White House)
สิ่งแรกที่นึกถึงก็คือ ทำเนียบขาว ถูกออกแบบโดยสถาปนิกชาวไอริช เจมส์ โฮบัน ก่อสร้างระหว่างปี ค.ศ. 1792 ถึง ค.ศ. 1800 ด้วยหินทรายอะเกียครีกสีขาวในรูปแบบสถาปัตยกรรมฟื้นฟูคลาสสิก พื้นที่ใช้สอยรวม 5,100 ตร.ม. มีห้องทั้งหมด 132 ห้อง และสระว่ายน้ำ 1 สระ ซึ่งต่อมาพื้นที่ได้ถูกขยาย ต่อเติม และซ่อมบำรุง (เกิดจากการถูกเผาโดยกองทัพสหราชอาณาจักร) อยู่หลายครั้ง ภายในของ ทำเนียบขาว ประกอบไปด้วย
- ตัวอาคารหลัก
- ปีกตะวันตก เป็นสำนักงานของประธานาธิบดี หรือที่เรียกว่า ห้องทำงานรูปไข่ (Oval Office) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1909 ในสมัยอดีตประธานาธิบดีวิลเลียม เอช. ทัฟต์ (คนที่ 27) ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบบาโรก ผสมผสานกับนีโอคลาสสิก อีกทั้งมีทีมงานระดับสูงอีกประมาณ 50 คน รวมถึงห้องประชุมของคณะรัฐมนตรี
- ปีกตะวันออก ถูกสร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1942 ในลักษณะอาคารอเนกประสงค์ ต่อมาในปี ค.ศ. 1977 โรซาลีนน์ สมิธ คาร์เตอร์ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง (ภรรยาของประธานาธิบดีคนที่ 39) ได้ใช้ปีกตะวันออกเป็นสำนักงานและตั้งชื่อว่า “สำนักงานสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง” ซึ่งใช้สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
2. อนุสาวรีย์วอชิงตัน (Washington Monument)
อนุสาวรีย์นี้ก่อตั้งขึ้นเพื่อให้เกียรติแก่ประธานาธิบดีคนแรกของอเมริกา และอนุสาวรีย์วอชิงตันแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ที่เก่าแก่และจดจำได้มากที่สุดในอเมริกา เปรียบเป็นความภูมิใจของชาติได้เช่นกัน แท่งหินปูนโอเบลิสก์ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกสุดของอนุสรณ์สถานแห่งชาติเป็นจุดชมวิวที่พลาดไม่ได้เป็นอันขาด เพราะสามารถมองเห็นทำเนียบขาว อาคารรัฐสภา อนุสรณ์สถานลินคอล์น รวมถึงอนุสาวรีย์ต่างๆ ที่ตั้งอยู่โดยรอบ
อนุสาวรีย์วอชิงตัน ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1848 แต่แล้วเสร็จในปี 1884 มีความสูง 555 ฟุต (169 เมตร) ตั้งอยู่ทางตะวันออกของอนุสรณ์สถานลินคอล์น ทางตะวันตกของอาคารรัฐสภาสหรัฐอเมริกา และทางใต้ของทำเนียบขาว และนับเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในวอชิงตันและเป็นโครงสร้างเสาหินตั้งเดี่ยวที่สูงที่สุดในโลกด้วยเช่นกัน
3. อนุสรณ์สถานลินคอล์น ( Lincoln Memorial)
รูปปั้นของ อับราฮัม ลินคอล์น ประธานาธิบดีคนที่ 16 ของอเมริกาความสูง 19 ฟุต (5.8 เมตร) ที่ตั้งอยู่อย่างสงบแต่แฝงไปด้วยอำนาจนี้อยู่ในอิริยาบทที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกสุดของอนุสรณ์สถานแห่งชาติ
โดยสายตาของอดีตประธานาธิบดีคนนี้เพ่งมองทอดไปที่อนุสาวรีย์วอชิงตัน นักท่องเที่ยวควรจะมายืนตรงจุดที่ชาวอเมริกันนับล้านคนเคยมายืนรวมกันที่นี่ เพื่อรำลึกและแสดงความเคารพต่อชายที่ถือกำเนิดในบ้านไม้ซุงอย่างเรียบง่ายที่สุด แต่เติบโตขึ้นเพื่อนำทางประเทศชาติให้ผ่านพ้นสงครามกลางเมืองอเมริกันไปได้ และริ่เริมให้เกิดการเลิกทาสในที่สุด
รูปปั้นหินปูนและหินอ่อนหลายๆ ชิ้นที่นี่มีความหมายเชิงสัญลักษณ์ เสาดอริกแบบมีร่องทั้งหมดเป็นตัวแทนของทั้ง 36 รัฐ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ลินคอล์นเป็นประธานาธิบดีบริหารประเทศ ส่วนชื่อรัฐทั้ง 48 รัฐที่มีขึ้นสมัยที่อาคารก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 1922 ก็ได้รับการจารึกไว้ใต้ชายคา อีกทั้งจิตรกรรมฝาผนังที่ลินคอล์นถือว่ามีคุณค่าตลอดช่วงชีวิตของเขา ประกอบด้วย เรื่องอิสรภาพ สิทธิขั้นพื้นฐาน ความเป็นนิรันดร์ ความเป็นธรรม กฎหมาย ความเป็นอันหนึ่งอันเดียว ภราดรภาพและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นต้น
4. สถาบันสมิธโซเนียน (Smithsonian Institution)
เป็นสถาบันวิจัย สถาบันการศึกษา และพิพิธภัณฑ์ ก่อตั้งขึ้นตามความประสงค์ของนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ เจมส์ สมิธสัน (James Smithson) ซึ่งระบุพินัยกรรมว่า หากหลานชายของเขา เฮนรี เจมส์ ฮังเกอร์ฟอร์ด ไม่มีทายาท ก็ให้ยกมรดกทั้งหมดให้แก่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาเพื่อก่อตั้งองค์กรที่สามารถ “เพิ่มพูนและเผยแพร่ความรู้” ให้แก่มนุษยชาติ
ในเครือของ สถาบันสมิธโซเนียน มีอยู่กว่า 19 แห่ง กระจายอยู่ในหลายรัฐ ซึ่งให้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลินสำหรับทั้งผู้ใหญ่และเด็ก เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยว เป็นที่สะสมและแสดงศิลปะของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชาติต่างๆ
อีกหนึ่งแห่งที่น่าสนใจ.. พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ (National Museum of Natural History) ตั้งอยู่ที่ถนนหมายเลข 10 ตัดกับ Constitution Avenue ในกรุงวอชิงตัน 16-Smithsonian พิพิธภัณฑ์นี้ให้ความรู้เกี่ยวกับการสำรวจ และเรียนรู้โลกธรรมชาติผ่านทางการวิจัย การสำรวจสิ่งมีชีวิตในยุคโบราณ รวมถึงพวกไดโนเสาร์ นิทรรศการเกี่ยวกับสัตว์ป่า สัตว์ใต้ท้องทะเล เป็นต้น
5. อนุสรณ์สถานเจฟเฟอร์สัน (Thomas Jefferson Memorial)
หนึ่งในสถาปัตยกรรมชิ้นเรียบง่ายแต่งดงามของอนุสรณ์สถานแห่งชาติ สร้างเพื่อแสดงความเคารพต่อประธานาธิบดีและเหล่านักคิดที่ยิ่งใหญ่ของอเมริกา
เดินจากอนุสรณ์สถานลินคอล์นประมาณ 1.6 กิโลเมตร จะผ่านทิวแถวต้นเชอร์รี่ไปยังบริเวณอ่างเก็บน้ำ Tidal Basin ของอนุสรณ์สถานแห่งชาติ จากนั้นจะพบโครงสร้างอาคารที่คล้ายกับปูชนียสถาน ซึ่งสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับบรรดาประธานาธิบดี และเหล่านักคิดชั้นนำของอเมริกา ทอมัส เจฟเฟอร์สัน ประธานาธิบดีคนที่สามของสหรัฐอเมริกา เป็นผู้เขียนสิ่งสำคัญมากในขณะนั้น นั่นคือคำประกาศอิสรภาพของอเมริกา
ที่อนุสรณ์สถานแห่งชาตินี้มีการจัดกิจกรรมหลากหลายประเภท มักจะจัดขึ้นตลอดทั้งปีที่อ่างเก็บน้ำ Tidal Basin ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ตเพลงแจ๊สบริเวณขั้นบันไดของอนุสรณ์สถานเจฟเฟอร์สันและเทศกาลเชอร์รี่ บลอสซัมประจำปีที่จัดเป็นประจำในฤดูใบไม้ผลิ เพื่อให้ได้วิวที่เห็นอนุสรณ์สถานเจฟเฟอร์สันได้ชัดเจนภายใต้บรรยากาศอันผ่อนคลายบริเวณแม่น้ำ แนะนำให้เช่าเรือพายจาก Tidal Basin Paddle Boats ที่ Main Avenue
6. นิวเซียม (Newseum)
สืบค้นเข้าไปถึงเบื้องลึกของแวดวงข่าวสารและสื่อมวลชนของโลก แล้วพาตัวเองไปอยู่บนพาดหัวข่าวของพิพิธภัณฑ์อันน่าดึงดูดใจแห่งนี้ พิพิธภัณฑสถานแสดงผลงานที่เกี่ยวข้องกับกับข่าว และหนังสือพิมพ์ ตัวพิพิธภัณฑสถานตั้งอยู่บนถนนเพนซิลเวเนีย อาคารสูง 7 ชั้น พื้นที่ 250,000 ตารางฟุต และประกอบด้วยแกลเลอรี 14 ห้อง
ขลุกอยู่กับพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์กว่า 80 ฉบับจากทั่วโลก แล้วขุดค้นประวัติศาสตร์ของวงการสื่อสารมวลชน หรือจะสวมบทบาทเป็นผู้รายงานข่าวประจำนิวเซียมแห่งวอชิงตันก็ได้ เพื่อนๆ จะได้พบกับกิจกรรมอันหลากหลายที่นิวเซียมแห่งนี้ มีความไฮเทคและมีโซนจัดแสดงที่คุณเองสามารถมีส่วนร่วมได้ แบ่งออกเป็น 6 ระดับด้วยกัน ได้แก่ ประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวแบบ 4 มิติ สตูดิโอการแพร่ภาพสุดทันสมัย รวมถึงแกลเลอรี่อันน่าทึ่งที่จะพาคุณสำรวจความเป็นมาของการรับรู้ข่าวสารของเราได้อย่างละเอียด
7. อนุสรณ์สถานทหารผ่านศึกเวียดนาม
(Vietnam Veterans Memorial)
สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารอเมริกันผู้ต่อสู้ในสงครามเวียดนาม และผู้เสียชีวิต และ ผู้สูญหายระหว่างสงคราม ชื่อของวีรบุรุษทั้งหญิงและชายกว่า 58,000 ชื่อได้รับการจารึกลงบน “The Wall” หรือผนังที่สร้างขึ้นเพื่อชูเกียรติให้พวกเขา
กลุ่มอนุสาวรีย์ในปัจจุบันประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างสามชิ้น คือ อนุสาวรีย์ทหารสามนาย (Three Soldiers statue), อนุสาวรีย์ทหารผ่านศึกเวียดนามสตรี (Vietnam Women’s Memorial และ กำแพงอนุสาวรีย์ทหารผ่านศึกเวียดนาม ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างหลักของอนุสาวรีย์
8. พิพิธภัณฑ์สายลับนานาชาติ (International Spy Museum )
ตั้งแต่เปิดให้บริการในปี 2002 พิพิธภัณฑ์สายลับนานาชาติแห่งนี้รวบรวมคอลเลคชั่นของสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการจารกรรมในสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก อ้าปากค้างไปกับความน่าทึ่งของอุปกรณ์ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาได้อย่างชาญฉลาด เช่น กระบอกปืนในรูปแบบลิปสติกและแว่นตาแฝงยาพิษ ปล่อยให้จินตนาการของคุณโลดแล่นอย่างบ้าคลั่ง พร้อมฟังเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นเกี่ยวกับสายลับที่มีอยู่จริงบนโลก แล้วประลองฝีมือในการจารกรรมและทำการต้มตุ๋นเองดูบ้าง
เรียนรู้ศิลปะแห่งการสรรค์สร้างผลงานในการสืบสวนสอบสวนจาก School for Spies ซึ่งจะพาคุณไขความลับและเทคนิคในการอ่านรหัสและยังสอนวิธีใช้อุปกรณ์ลับของเหล่าสายลับอีกด้วย
9. จอร์จทาวน์ (Georgetown) และ ฟ็อกกี้ บอททอม (Foggy Bottom)
ย้อนเวลากลับสู่อดีตไปกับ จอร์จทาวน์ เมืองที่โดดเด่นด้วยถนนหินกรวด และเป็นหนึ่งในย่านที่เก่าแก่ที่สุดของดี.ซี. ปัจจุบันถือเป็นจุดสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ของชาติเลยก็ว่าได้
จอร์จทาวน์ถือกำเนิดขึ้นในปี 1751 เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโปโตแมค ย่านชานเมืองนี้เองเป็นที่รู้จักกันดีในแง่ของสถาปัตยกรรมของสมัยศตวรรษที่ 18 และ 19 ไม่ว่าจะเป็นคฤหาสน์หินสไตล์จอร์จเจียนหรือบ้านที่ทำมาจากอิฐ
ฟ็อกกี้ บอททอม หนึ่งในย่านเก่าแก่สุดของวอชิงตัน ปัจจุบันเป็นศูนย์รวมความล้ำสมัยและมีระดับ รวมอาคารรัฐบาลและเป็นชุมชนนักศึกษาและศิลปะที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
ชื่อฟ็อกกี้ บอททอม มีที่มาจากหมอกที่ลอยรวมกันอยู่เหนือแม่น้ำโปโตแมค และย่านนี้ก็ได้กลายมาเป็นชุมชนของผู้ใช้แรงงานและคนงานโรงงาน ในสมัยทศวรรษปี 1760 ปัจจุบันได้กลายมาเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยทันสมัย รวมถึงเป็นศูนย์กลางของอาคารต่างๆ ของรัฐบาล
10. พิพิธภัณฑ์การบินและอวกาศแห่งชาติ
(National Air and Space Museum )
เปรียบเสมือนสวรรค์ของผู้สนใจเรื่องการบิน เพราะพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะพาคุณเดินทางไปพบกับประวัติศาสตร์การบินและอวกาศอย่างถึงแก่น จะได้พบกับคอลเลคชั่นเกี่ยวกับการบินและอวกาศที่ใหญ่ที่สุด รวบรวมจากทุกที่ทั่วโลกมาไว้ที่พิพิธภัณฑ์การบินและอวกาศแห่งชาตินี้ สิ่งของที่นำมาจัดแสดงเป็นของจริงทั้งหมด ไม่ก็เป็นชิ้นส่วนสำรองของอุปกรณ์ที่ใช้งานจริง จึงทำให้สถานที่แห่งนี้มีออร่าความขลัง
ภายในมี 22 โซนที่รวบรวมอุปกรณ์จากหน่วยงานการบินหลายๆ แห่ง ตั้งแต่อุปกรณ์รุ่นคุณปู่ยุคแรกเริ่มของประวัติศาสตร์การบิน มาจนถึงยุคอวกาศที่จัดแสดงในแกลเลอรี่ Apollo to the Moon นอกจากนี้ยังมีการรวบรวมเหตุการณ์สำคัญของประวัติศาสตร์การบินในรูปแบบของแกลเลอรี่ เช่น การบินของสองพี่น้องตระกูล Wright ในปี 1903 หรือจะเป็น Spirit of St Louis ที่นักบิน Charles Lindburgh ทำการบินข้ามแอตแลนติกได้สำเร็จเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ยังมี Apollo 11 Command Module อีกด้วย
11. หอสมุดรัฐสภา (Library of congress)
สถาบันด้านวัฒนธรรมที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐอเมริกาและเป็นหอสมุดแห่งชาติ ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1800 เป็นแหล่งข้อมูลด้านกฎหมายของรัฐบาล ตั้งอยู่ในพื้นที่อาคาร 3 หลัง ถือเป็นหอสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลกว่าด้วยชั้นหนังสือและจำนวนหนังสือที่มากที่สุด
จำนวนวัสดุห้องสมุด ได้เพิ่มขึ้นในอัตรา 7,000 รายการต่อวัน มีวัสดุทุกรูปแบบ และเกือบทุกภาษามากกว่า 90 ล้านชิ้น หนังสือ 15 ล้านเล่ม 37 ล้านต้นฉบับตัวเขียน (รวมต้นฉบับตัวเขียนลายมือของประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา 23 คน) แผนที่ 4 ล้านแผ่น เครื่องดนตรี 7 ล้านชิ้น ซึ่งรวมวัสดุที่เกี่ยวข้องด้วย ภาพถ่าย 2 ล้านภาพ ภาพยนตร์ 125,000 ม้วน แถบบันทึกเสียง/บันทึกภาพ/ โปสเตอร์ ระบบคอมพิวเตอร์ และฐาน ข้อมูลหลายสิบล้าน
12. The History of Dumbarton Oaks
ตั้งอยู่ในเขต จอร์จทาวน์ (Georgetown) เป็นอสังหาริมทรัพย์ประวัติศาสตร์ของอเมริกา อดีตเคยเป็นที่อยู่อาศัยของ โรเบิร์ต วูดส์บลิส และภรรยา แต่ปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนมาเป็น พิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด ที่เก็บงานวิจัย สะสมงานศิลปะยุคไบเซนไทน์ อีกทั้งอีกมีสวนต้นไม้ดอกไม้ขนาดใหญ่ ตกตแต่งด้วยงานประติมากรรมต่างๆ ผู้คนชอบมาถ่ายรูป เดินเล่น บรรยากาศดี และทัศนียภาพที่สวยงามมอีกทั้งยังมีกิจกรรมจัดอยู่เป็นประจำ
13. Rock Creek Park
สวนสาธารณะขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงวอชิงตันดีซี สร้างขึ้นโดยสภาคองเกรสในปี 1890 เป็นพื้นที่ที่มีธรรมชาติที่สมบูรณ์ และเป็นสวนสาธารณะในเมืองที่เก่าแก่ที่สุด ในจำพวกอุทยานแห่งชาติ อีกทั้งยังมีสวนสัตว์อยู่ใกล้ๆกัน Rock Creek Park ยังได้ทะเบียนโบราณสถานแห่งชาติ ในปี 1991 อีกด้วย
Rock Creek Park เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจติดอันดับต้นๆ มีพื้นที่กว่า 1,754 เอเคอร์ ภายในมีสนามกอล์ฟ, เส้นทางขี่ม้า, เส้นทางวิ่งจ๊อกกิ้ง, อินไลน์สเกต, สถานที่จัดงานกีฬา, ศูนย์ธรรมชาติ และท้องฟ้าจำลอง อีกทั้งผู้คนจะชอบมาปิกนิกกันในช่วงวันหยุด มีการจัดคอนเสิร์ตกลางแจ้ง จัดแสดงนิทรรศต่างๆ
14. U.S. National Arboretum
สวนรุกขชาติ ก่อตั้งขึ้นในปี 1927 โดยรัฐสภา จัดแสดงพันธุ์ไม้นานาชนิด อีกทั้งยังเป็นที่อนุรักษ์ทรัพยากร ศึกษาวิจัยธรรมชาติ ผู้คนนิยมเข้ามาชมความงามของไม้ประดับ และภูมิทัศน์ที่สวยงาม มีสวนแบ่งตามประเภท และแบ่งตามประเทศนั้นๆ
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ wikipedia.org , http://www.thaifly.com/,www.expedia.co.th, Serving Joy, www.danieljgregory.com, www.dbknews.com