สัพเพเหระในอเมริกา

รถชนและรถถูกชนในอเมริกา

อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา!

ในระหว่างที่ขับรถกลับบ้าน  จำได้ว่าตอนนั้นรถค่อนข้างเยอะบนถนน 3 เลน  แต่รถเราก็ยังขับได้เรื่อยๆ ขับมาได้ซักพัก ได้ยินเสียงดังมาก ตู้ม!!! มาจากด้านหลัง ในระยะประชิด เหลื่อบไปมองกระจกด้านหลังรถ ก็พบว่ามีรถชนกัน! เหตุเกิดอยู่ข้างหลังเรานี่เองค่ะ  ใจหนึ่งก็รู้สึกสงสารรถคันข้างหลัง เท่าที่ประเมินดูรถเสียหายค่อนข้างมาก ด้านข้างรถยุบ กระจกแตกกระจาย!

เหตุการณ์นี้เกิดเพราะมีรถจากเลนด้านซ้ายเกิดเปลี่ยนเลนกระทันหัน  แล้วอีกคันด้านขวาก็ไม่นึกว่ารถจากทางด้านข้างที่วิ่งขนานกันมาจะเปลี่ยนเลนในระยะประชิดแบบนี้ ก็ไม่ได้ชะลอให้ ผลที่คือชนกันอย่างจังเลยค่ะ ได้แต่หวังว่าคนขับทั้งสองไม่ได้รับบาดเจ็บมาก

เราเลยถือว่าโชคดีไปโดยปริยายที่เป็นรถคันสุดท้ายที่สามารถผ่านถนนเส้นนั้นมาได้ เพราะหลังจากนั้นรถต้นเหตุทั้งสอง รวมทั้งชิ้นส่วนต่างๆของรถก็ทิ้งซาก เกลื่อนเต็มท้องถนนไปหมด แถมปิดกั้นบล็อคทางถนนเส้นนั้นไปด้วย ทำให้รถอื่นๆที่ตามหลังมาผ่านไม่ได้เลยค่ะใจนึง ก็รู้สึก โล่ง!!!!  รอดตัวไป ไม่ใช่รถเรา ไม่ใช่ของเรา

หลังจากเป็นผู้รู้เห็น และผ่านเหตุการณ์รถชนกันมาได้อย่างหวุดหวิด ในระหว่างทางก่อนจะถึงบ้านเลยแวะซื้อของที่ร้านเซเว่น 11 ซักหน่อย  เมื่อจอดรถและเข้าไปซื้อของเรียบร้อยแล้ว ก็เดินกลับมาที่รถตัวเอง  ในระหว่างที่สตาร์ทรถ เตรียมจะถอยรถ คราวนี้ได้ยินเสียงดัง ตู้ม!!! อีกแล้ว ดังมาจากด้านหลังรถ พอเหลือบไปมองอีกที โอ้ My Good ness!!!!

ถึงคราวซวยของเราจริงๆแล้วซิทีนี้ มีรถ มาสด้า มินิแวนคันหนึ่ง มาเสียบตรงท้ายรถเราทางด้านขวาพอดิบพอดี บอกตรงๆตอนนั้นทำอะไรไม่ถูกเลยค่ะ เพิ่งเห็นเหตุเหตุการณ์รถชนกันมาหยกๆๆ มาตอนนี้เป็นผู้ถูกชนซะเอง 

ซักพักรถคันที่เสียบรถเราได้พยายามขับเคลื่อนรถให้หลุดออกมา แต่ยิ่งรถฝ่ายนั้นขยับมากขึ้นเท่าไหร่ เสียงเสียดสีก็ยิ่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นหมายความว่าจะทำให้รถทั้งสองเสียหายหนักมากขึ้นกว่าเดิม

เราก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ปิดรถ แล้วลงจากรถด้วยอารมณ์ที่ค่อนข้างหงุดหงิด แล้วเดินไปเคาะด้านข้างรถเพื่อที่จะให้คนขับหยุดขยับรถเสียที  ตอนนั้นด้วยความที่คิดว่ารถต้องบุบมากแน่นอนทีเดียว  เราจึงได้แสดงอาการไม่พอใจ ไม่เป็นมิตรกับคนขับซักเท่าไหร่

คนขับค่อยๆเปิดกระจกออกมาทำสีหน้าช็อคตกใจ ไม่พูดไม่จาอะไร   ทันใดนั้นเองก็มีเสียงขอโทษ ขอโพย ดังขึ้นมา หญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ด้านข้างของคนขับนี่เอง เธอได้กล่าวขอโทษเราหลายรอบมาก ผิดกับคนขับซึ่งไม่มีท่าทีว่าจะพูดอะไร

คุณป้าคนนี้เล่าให้ฟังว่า วันนี้เป็นวันแรกที่สอนลูกชายขับรถ เค้ายังมือใหม่ ลูกชายยังไม่มีประกัน ทั้งสองพึ่งขับรถออกจากบ้านแล้วมาจอดซื้อของที่นี่ และกำลังจะไปฝึกขับต่อ แต่ก็มาเกิดเรื่องซะก่อน

ทันใดนั้นจากความโมโห หงุดหงิด ก็เริ่มเบาบางลง เราก็บอกคุณป้าว่าไม่เป็นไร แต่คุณป้าต้องเปลี่ยนมาเป็นคนขับนะคะ เพราะรถมันเสียบกันอยู่ถ้าขืนลูกชายคุณป้าพยายามขยับรถต่อ มีหวังรถทั้งสองคันได้พังมากกว่าเดิม

คุณป้าทำตามลงมาเปลี่ยนขับแทนลูกชาย ส่วนเราก็พยายามขยับไปด้านหน้า ใช้ความพยายามซักพัก ในที่สุด รถทั้งคู่ก็สามารถแยกกันได้ค่ะ แต่ที่น่าประหลาดใจคือ ทั้งรถเราและรถของคุณป้าไม่มีรอยบุบเลยแม้แต่น้อย! มีแต่ร่องรอยขีดข่วนให้เห็นนิดหน่อยเท่านั้น ทั้งๆๆที่ตอนชนงี้ เสียงเสียดสีดังมากๆๆเลยทีเดียว

เมื่อสามารถแยกรถออกมาได้แล้วและสภาพไม่ได้เป็นอะไรมาก เราเลยไม่ได้ถือสาเอาความอะไรกัน แต่ก่อนแยกย้ายจากกัน ขอเข้าไปบ่นเด็กชายนิดนึง  “ยู จะขับรถ ต้องขับระวังให้มากๆกว่านี้นะ ”

ลองคิดดูซิค่ะ ถ้าไม่ใช่รถมือสองอย่างเราแต่เป็นรถใหม่ราคาแพง เจ้าของเค้าอาจโกรธและเอาเรื่องขึ้นมาก็ได้ หลังจากฟังเราบ่น น้องชายได้แต่พยักหน้า และแล้วคุณป้าและลูกชายก็จากไปโดยที่ไม่ต้องขอเบอร์โทรหรือรายละเอียดประกันแต่อย่างใด

จากเหตุการณ์ที่เห็นรถคนอื่นถูกชน หลังจากนั้นในเวลาอันสั้นนิดเดียว เปลี่ยนมาเป็นรถเราเองถูกชน ความรู้สึกมันช่างต่างกันลิบลับ ความโล่ง สบายจะเกิดเมื่อเราไม่ได้เป็นเจ้าของรถชนคันนั้น  แต่จะรู้สึกหงุดหงิด โกรธ ของขึ้น เมื่อมีใครมาชนรถของเราพัง!

อย่างรถที่ชนกันกลางถนนในตอนต้นนั้นไม่ใช่รถของเรา แน่นอนว่าเราก็ไม่ได้หวงรถสองคันนั้นอยู่แล้ว ถึงแม้รถจะชนกันพังยับเยินขนาดไหน อย่างมากเราก็ได้แต่แสดงความเห็นใจ ขอให้คนขับปลอดภัย และขับผ่านไปแบบไม่ได้คิดเดือดร้อนอะไรมากมาย

ทีนี้พอเป็นรถของเราเอง พอถูกเบียดเท่านั้น แม้ไม่ได้ถูกชนอะไรมากมาย เราก็รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจ หงุดหงิด และขัดเคืองขึ้นมามากเลยทีเดียวค่ะ เห็นไหมล่ะคะ ยิ่งเป็นอะไรที่เราหวงมากขึ้นเท่าไหร่ เราก็ยิ่งกังวล ไม่สบายใจ และจะเสียใจมากถ้ามันพังหรือบุบสลายไป แถมความเคือง ความโกรธของเรานี้ ยังไปทำให้เราตาบอด ไม่ทันเห็นใจฝ่ายตรงข้ามเลยด้วยซ้ำ เห็นแต่รถของฉันเองที่กำลังจะบุบสลาย

มาคิดได้อย่างนี้เลยทำให้รู้ว่า ไม่ว่าอะไรพอถึงคราว มันก็ต้องบุบต้องพังไปสักวันหนึ่ง ไม่ใช่แค่รถอย่างเดียวนะคะ อะไรก็ตามที่มีเราเข้าไปหวงเอาไว้ ในวันหนึ่งเมื่อมันต้องสลายไป เราอาจเป็นลมสลบล้มพับไปเลยก็ได้!

ใจที่โล่ง เบาสบายนั้นดีกว่าเป็นไหนๆ! มาอยู่ในอเมริกานี้ สำหรับเราตอนนี้ ก็ขอแค่ให้มีรถที่สามารถวิ่งพาเราไปไหนต่อไหนได้ ไม่เสียกลางทางก็เยี่ยมแล้วล่ะค่ะ


 

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *