งานฉลอง St.Patrick’s Day ใน Baltimore, MD
St. Patrick’s Day คือเทศกาลเฉลิมฉลองวันนักบุญของชาวคริสต์และเพื่อระลึกถึงวันเสียชีวิตของ St. Patrick (วันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 461) นักบุญผู้ยิ่งใหญ่ของชาวไอริช
โดยสัญลักษณ์ของเทศกาลนี้ก็คือใบ Shamrock หรือใบ Clover ที่ชาวไอริชถือว่าเป็นสัญลักษ์ของการกำเนิดใหม่ ความโชคดี และฤดูใบไม้ผลิ ดังนั้นในช่วงเทศกาล St. Patrick’s Day ผู้คนจึงต่างพากันสวมเครื่องแต่งกายหรือเครื่องประดับที่มีสีเขียวให้เหมือนกับสีของใบ Shamrock นั่นเอง เช้าของวันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม 2012 น้ำตาลและเพื่อนตื่นนอนกันประมาณ 10 โมงค่ะ หลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเรียบร้อยแล้วก็ลงมาทานข้าวที่ชั้นล่างของบ้าน เราสองคนนั่งรับประทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อยอยู่สักครู่ โฮสพ่อและโฮสแม่ของเพื่อนของน้ำตาลก็เดินเข้ามาพร้อมเพื่อนๆของพวกเขาในชุดพร้อมวิ่งมาราธอนในวันนี้ ทุกคนกล่าวชวนเราทั้งสองให้ไปร่วมชมกิจกรรมของเทศกาล St. Patrick’s Day ที่กำลังจัดขึ้น โดยกิจกรรมหลักๆก็จะมีการวิ่งมาราธอนกับการแห่ขบวนพาเหรด ดังนั้นพวกโฮสจึงขอตัวออกไปเตรียมวิ่งกันก่อนและปล่อยให้เราทั้งคู่ได้รับประทานอาหารเช้ากันต่ออย่างสบายใจ
กิจกรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นในข้างต้นนั้นชาว Baltimore เขาได้สืบสานการจัดงานมาอย่างต่อเนื่องในทุกๆปี โดยกิจกรรมการวิ่งมาราธอนในเทศกาลนี้เขาเรียกกันว่า The Shamrock 5K race โดยมีจุด start อยู่ที่ Charles and Franklin Streets และมีจุดสิ้นสุดที่ Power Plant Live ซึ่งอยู่ระหว่าง Pratt และ Lombard street โดยจะเริ่มวิ่งกันตั้งแต่เวลา 1.15 PM ค่ะ
เมื่อจบการวิ่งแล้วท่านใดที่ต้องการเข้าไปรวมปาร์ตี้ใน Power Plant Live ก็จำเป็นต้องมีอายุ 21 ปีขึ้นไป เพราะโซนนั้นจะเป็นเหมือน RCA บ้านเราและเขาจะจำหน่วยพวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ค่ะ และจะมีการจำกัดคนเข้าแค่ 5,000 คนเท่านั้น
ส่วนขบวนพาเหรดจะเริ่มเคลื่อนตัวออกจาก The Washington Monument ตอนเวลา 2.00 PM หรือบ่ายสองโมงตรงค่ะ เพื่อนๆที่เคยได้ยินชื่อ The Washington Monument อาจจะงงและคิดกันว่าเสาหินโอเบลิสก์สูงๆแท่งนั้นมันอยู่ในเมือง Washington DC ไม่ใช่เหรอ?
น้ำตาลจึงขออธิบายว่า ในเมือง Baltimore รัฐ Maryland แห่งนี้ก็มี The Washington Monument เช่นเดียวกันค่ะ แต่จะเป็นแท่งเสาที่เล็กกว่ามากและไม่ได้มีลักษณะที่คล้ายคลึงกันกับแท่งโอเบลิสก์ใน Washington DC เลย ดังนั้นเพื่อนๆท่านไหนที่มีแพลนไปเที่ยว Washington DC หรือ Maryland ก็อย่าลืมไปเก็บเกี่ยวสถานที่ที่น่าสนใจเหล่านี้กันให้ครบนะคะ
กลับมาที่เรื่องพาเหรดกันต่อดีกว่า หลังจากที่ขบวนได้เคลื่อนตัวออกจาก The Washington Monument ก็จะเดินผ่านไปตามถนน North Charles Street จนไปสิ้นสุดที่ The Inner Harbor หรือท่าเทียบเรือสำคัญอันเป็นสถานที่เลื่องชื่อของเมือง Baltimore แห่งนี้แหละค่ะ
หลังจากที่น้ำตาลกับเพื่อนเสร็จจากการรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยดีแล้วก็เป็นเวลาเที่ยงกว่าๆ เราจึงตกลงกันว่าจะเดินไปดูบรรยากาศของงานที่ The Washington Monument เป็นที่แรกค่ะ เพราะจุดนั้นอยู่ห่างจากบ้านเพื่อนแค่ 10 นาทีเท่านั้นเอง
พอเราไปถึงก็เห็นเขาซักซ้อมขบวนต่างๆกระจายอยู่รอบ The Washington Monument ดังนั้นน้ำตาลจึงรีบชักกล้องออกมาเก็บภาพบรรยากาศเหล่านั้นในทันทีจ้า บางกลุ่มก็ซ้อมเต้นรำ บางกลุ่มก็ซ้อมควงธง บางคนก็แอบงีบหลับอยู่ใต้ต้นไม้ บางคนก็หอบอุปกรณ์วิ่งผ่านไปผ่านมาเหมือนหากลุ่มพวกของตนไม่เจอ
คนที่เขากำลังยุ่งๆกันอยู่น้ำตาลก็ไม่กล้าเดินไปขอถ่ายรูปหรอกค่ะ แต่พอดีมีคุณลุงตัวโต๊โตแต่หน้าตาใจดีเดินแยกตัวออกมาจากกลุ่มนักดนตรีของแก เราก็เลยได้ทีดักทางขอถ่ายรูปด้วยซะเลย
ที่สะดุดตาคุณลุงคนนี้ก็เป็นเพราะคุณลุงใส่เสื้อแบบเจ้าตุ๊กตา Nutcracker และสวมหมวกทรงกระบอกสูงๆที่มีขนนกหรือขนไก่ก็ไม่รู้ปักอยู่ แต่ช่วงล่างนี่น่ารักมากค่ะเพราะคุณลุงนุ่งผ้าขาวม้า เอ๊ยไม่ใช่ แต่เป็นกระโปรงลายสก๊อตแบบชาวสก๊อตแลนด์นั่นเอง นอกจากจะอนุญาติให้น้ำตาลถ่ายรูปด้วยแล้วคุณลุงยังเรียกเพื่อนตัวโตของคุณลุงมาเป็นนายแบบเพิ่มให้อีกด้วย
หลังจากเพลิดเพลินกันที่ The Washington Monument กันแล้ว เพื่อนก็พาน้ำตาลเดินไปตามถนนที่จะมีเหล่านักวิ่งมาราธอนวิ่งผ่าน โอ้โห! คนแยะเลยค่ะคราวนี้ ตัวเขียว หัวเขียว รองเท้าเขียว ละลานตาไปหมด ทั้งสองข้างทางริมฝั่งถนน ซึ่งเขามายืนรอให้กำลังใจนักกีฬาวิ่งมาราธอนและขบวนพาเหรดที่จะผ่านมาตามเส้นทางนี้
น้ำตาลกับเพื่อนเลยเดินยาวเรื่อยๆเพื่อจะหาที่ว่างที่จะแทรกตัวออกไปมองหาโฮสพ่อของเพื่อนที่กำลังจะวิ่งผ่านมา แต่ต้องเดินเกือบ 20 นาทีโน่นแหละค่ะเราถึงเจอที่ว่าง ซึ่งถือว่าโชคดีมากที่พอเราหย่อนตัวลงที่ขอบฟุตบาทกันได้ นักวิ่งผู้นำคนแรกของวันนี้ก็วิ่งเข้ามาในถนน คราวนี้เราก็ได้ลุ้นกันค่ะว่าโฮสพ่อจะตามเขามาทันไหม
หลังจากคนแรกวิ่งผ่านไปแล้วคนที่สอง สามก็ตามเข้ามาค่ะ จากนั้นจึงมีกลุ่ม 4-5 คนวิ่งตามมาแบบติดๆ เหมือนเขาเป็นทีมเดียวกันเพราะดูจากชุดวิ่งที่สวมใส่คล้ายๆกัน ไม่นานเท่าไหร่ค่ะโฮสพ่อคนเก่งของคุณเพื่อนก็วิ่งโดดๆตามเข้ามา วินาทีนั้นพวกเราส่งเสียงเชียร์กันลั่นทุ่งค่ะ แต่โฮสพ่อคงไม่ทันได้เห็นพวกเราเพราะคนเยอะขนาดนั้นและเสียงก็ดังสนั่นกันทุกคน พอโฮสพ่อวิ่งผ่านไปแล้วก็มีกลุ่มชายหนุ่มกี่คนไม่รู้วิ่งตามมาค่ะ ซึ่งเรานับจำนวนไม่ทันเพราะมัวแต่มองหน้าหล่อๆกับกล้ามท้องเป็นมัดๆอยู่แบบเคลิบเคลิ้มนั่นเอง >.<
เพลิดเพลินกันที่ริมฟุตบาทได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงวงดุริยางค์แว่วผ่านหูเข้ามาค่ะจึงได้รู้ว่าขบวนพาเหรดกำลังจะเคลื่อนตัวกันแล้ว ดังนั้นผู้คนจึงทยอยกันเดินไปที่ The Inner Harbor ค่ะ เราสองคนก็เช่นเดียวกันแต่เพิ่งจะคิดกันได้ว่าเราทั้งคู่ไม่เข้าพวกกับชาวบ้านเขาเอาเสียเลยเพราะไร้ซึ่งสีเขียวตั้งแตัวหัวจรดเท้าค่ะ
ดังนั้นระหว่างทางที่เดินมุ่งไปยัง The Inner Harbor นั้น น้ำตาลกับเพื่อนจึงเสียเงินให้กับที่คาดผมซึ่งเป็นรูปหมวกและโบว์สีเขียวค่ะ นอกจากนี้ยังมีสติ๊กเกอร์รูปใบ Shamrock เพื่อติดข้างแก้มกันอีกด้วย แต่ราคาก็ไม่ใช่ถูกๆเลยค่ะ อย่างที่คาดผมนี่น่าจะตกอันละเกือบ 200 บาทไทยได้
เมื่อพร้อมแล้วก็ไปหาที่ยืนดูขบวนพาเหรดที่จะเห็นได้อย่างชัดเจนที่สุดค่ะ ไม่นานขบวนพาเหรดขบวนแรกก็เลี้ยวเข้ามาในถนนด้านหน้าของ The Inner Harbor ซึ่งก็เป็นวงดุริยางค์มีดรัมเมเยอร์ค่ะ จากนั้นขบวนอื่นๆจึงตามเข้ามา โดยจะมีโฆษกประกาศรายงานเป็นระยะๆ ว่าพาเหรดแต่ละขบวนเป็นใครมาจากไหน สนับสนุนโดยองค์กรใด คล้ายๆกับงานกีฬาสีบ้านเรานี่ล่ะค่ะ เท่าที่ได้ดูขบวนพาเหรดทุกขบวนจะถูกสนับสนุนโดยองค์กรของรัฐบาล โรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย รวมถึงบริษัทเอกชนใหญ่ๆของเมือง Baltimore แห่งนี้ค่ะ
ยังไม่ทันจะดูพาเหรดจบน้ำตาลก็ต้องรีบบอกลาเมือง Baltimore เสียแล้ว นั่นก็เป็นเพราะน้ำตาลจะต้องเดินทางกลับไปยังเมือง Ashburn รัฐ Virginia ให้ถึงก่อน 18.00 น. ของวันนี้ค่ะ ซึ่งตอนนี้ก็เป็นเวลาบ่ายสามโมงตรงแล้วโดยน้ำตาลจะต้องไปขึ้นรถไฟที่สถานี Penn Station ของเมือง Baltimore เพื่อจะไปต่อรถบัสใน Washington DC เพื่อกลับบ้าน
ดูราคาของรถไฟรอบถูกสุดเอาไว้คือเที่ยวเวลา 3.30 PM ในราคา $16 ค่ะ (ยืนยันว่านี่ถูกสุดแล้วนะคะ) แต่ดวงคงไม่ค่อยดีนักเพราะวันนี้รถเมล์ฟรีไม่ได้วิ่งเข้ามาตรงจุดที่เราอยู่ดังนั้นเพื่อให้ทันกับเวลาของรถไฟออก น้ำตาลกับเพื่อนเลยต้องขึ้น Taxi ไปยัง Penn Station ค่ะ ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาทีเราก็ไปถึงแต่ค่า Taxi นี่สิคะ โดนไป $12 ค่ะ T..T
พอเข้าไปในสถานีได้แล้วคราวนี้เพื่อนเป็นคนไปซื้อตั๋วรถให้ นั่นก็เพราะน้ำตาลไม่ได้พกพาสปอร์ตมาด้วยและยังไม่มี Picture ID อะไรของอเมริกาค่ะ หลังจากได้ตั๋วมา รถก็เข้าเทียบชานชาลาพอดี ดังนั้นวันนี้น้ำตาลจึงขอพักเรื่องราวเมือง Baltimore ไว้แต่เพียงเท่านี้นะคะ เจอกันได้ใหม่กับบทความสนุกๆ(รึเปล่า?)ในครั้งหน้าจ้า ^__^