เช่ารถอเมริกา ง่ายๆ ใน 4 ขั้นตอน สะดวก ปลอดภัย ใครๆ ก็เช่าได้
เมืองใหญ่ๆ ในอเมริกาที่คนนิยมมาเที่ยว อย่างนิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส บอสตัน ชิคาโก ฯลฯ ระบบขนส่งสาธารณะถือว่าดี เพราะมีทั้งรถบัส และรถไฟใต้ดิน ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้สะดวก ประหยัดเวลา และราคาก็ไม่แพงด้วย แต่ถ้าใครคิดจะเดินทางไปหลายๆ เมือง หรือไปเที่ยวเมืองที่อยู่รอบนอก เมืองที่มีขนาดเล็ก ต้องวางแผนการเดินทางให้ดี เพราะประเทศอเมริกา มีเนื้อที่กว้างใหญ่ เมืองในเขตรอบนอกจะไม่มีบริการรถสาธารณะ หรือไม่ได้มีรถสาธารณะให้บริการตลอดเวลา
ดังนั้นถ้าอยากเดินทางให้สะดวกสบายมากขึ้น แนะนำให้ เช่ารถในอเมริกา ขับเอง ระหว่างทางจะได้ชมบรรยากาศรอบข้าง สัมผัสกับธรรมชาติสวยๆ ไปด้วย สำหรับใครที่ยังไม่เคย เช่ารถอเมริกา มาก่อน บทความนี้จะพาไปแนะนำขั้นตอนตั้งแต่การจองจนถึงคืนรถ รับรองว่าไม่ยากค่ะ จะเหมือนหรือแตกต่างกับการเช่ารถที่เมืองไทยหรือไม่ ไปหาคำตอบพร้อมๆ กันเลย
Table of contents
ทำใบขับขี่สากล
สิ่งสำคัญสำหรับการขับรถในอเมริกาคือ ใบขับขี่ เพราะหากตำรวจพบว่าเราขับขี่โดยไม่มีใบอนุญาต จะโดนปรับทันที และยิ่งถ้าขับไปชน หรือสร้างความเสียหายให้กับคู่กรณี เราจะต้องออกค่าซ่อมเองด้วย บอกเลยว่าทั้งหมดนี้ทำเอากระเป๋าฉีกแน่นอน เพราะฉะนั้นอย่ามองข้าม หรือคิดว่าเป็นเรื่องเล็กๆ ทำใบขับขี่สากลมาจากประเทศไทยเลยสะดวกที่สุด การจะทำใบขับขี่สากลได้ จะต้องมีใบขับขี่ไทยก่อนนะคะ
โดยการยื่นขอใบขับขี่สากลนี้ สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานขนส่งทั่วประเทศ หรือจองคิวล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์ DLT Smart Queue และเลือกใบอนุญาตขับขี่ระหว่างประเทศ อนุสัญญาเจนีวา 1949 เท่านั้น เตรียมเอกสารไปให้พร้อม ใช้เวลาทำประมาณ 10-15 นาทีก็ได้ใบขับขี่แล้ว ไม่ต้องทำการทดสอบอะไรเพิ่ม ค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 505 บาท และมีอายุเพียง 1 ปี นับจากวันที่ออกบัตรเท่านั้น หากหมดอายุแล้วเราจำเป็นต้องไปทำเรื่องขอใบอีกครั้ง ไม่มีการต่ออายุค่ะ
Note: ใบขับขี่แบบใหม่ที่อนุสัญญาเวียนนา 1968 ที่มีอายุ 3 ปี ไม่สามารถใช้ได้ในอเมริกานะคะ
เช่ารถในอเมริกา โดยจองรถผ่านเว็บไซต์
ขั้นตอนต่อไปก็คือการจองรถ ซึ่งแนะนำให้จองตั้งแต่ก่อนออกเดินทางเลยเช่นกัน มาถึงแล้วจะได้ตรงไปรับรถ และมีรถขับเที่ยวได้ทันที ซึ่งบริษัทเช่ารถอเมริกาก็คล้ายๆ กับเมืองไทย มีให้เลือกหลายบริษัท แต่ละบริษัทก็จะมีรถให้เลือกหลายยี่ห้อ หลายรุ่น สามารถเข้าไปเช็กดูในเว็บต่างๆ ได้เลย เช่น Thrifty Car Rental, Enterprise Rent-A-Car, Hertz, Avis เป็นต้น ส่วนวิธีการจองก็ไม่แตกต่างกันมาก หลักๆ มีดังนี้
- เลือกสถานที่ ในเว็บไซต์จะมีตัวเลือกให้เราระบุว่าจะรับรถที่ไหน และคืนที่ไหน ซึ่งหากเราเลือกเป็นสนามบิน จะมีรถ Shuttle Bus ของบริษัทเช่ารถอเมริกา ให้บริการพาไปยังศูนย์ที่อยู่ใกล้สนามบินฟรี แต่ถ้าหากต้องการรับรถที่อื่น ก็สามารถกดเลือกได้เลย แนะนำว่าจุดรับรถและจุดคืนรถควรเป็นจุดเดียวกัน เพราะราคาจะถูกกว่าการรับและคืนรถคนละจุด
- เลือกวันและเวลา จากนั้นให้กดเลือกวันและเวลาที่ต้องการรับรถ และคืนรถ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ยิ่งเช่านาน ราคาก็จะยิ่งถูกลง แต่วิธีการคิดราคาจะเป็นแบบรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน เพราะฉะนั้นหากเช่ารถเกิน 1 สัปดาห์ แต่ไม่ถึง 1 เดือน วันที่เกินมาก็จะถูกคิดราคาในอัตราค่าเช่าแบบรายวัน ที่สำคัญควรคืนรถให้ตรงเวลา หรือก่อนเวลาสักเล็กน้อย เพราะหากเกินจากเวลาที่ทางบริษัทกำหนด จะต้องเสียค่าปรับเพิ่มด้วย
- เลือกรถที่ต้องการ ในเว็บไซต์จะมีรายละเอียดขึ้นมาให้ดูว่าช่วงเวลาที่เราเลือกมีรถยี่ห้อไหน และรุ่นอะไรว่างบ้าง แต่ละคันราคาเท่าไหร่ นอกจากนี้จะมีบอกด้วยว่านั่งได้กี่คน เพราะที่อเมริกามีข้อบังคับห้ามบรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวน ไม่เช่นนั้นอาจโดนปรับได้อีกเช่นกัน ตัวเลือกถือว่าค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว มีตั้งแต่รถขนาดเล็กไปจนถึงรถขนาดใหญ่ รถยนต์ธรรมดา รถยนต์ไฟฟ้า รถกระบะ หรือจะเป็นรถหรูสุด Luxury ก็มี
- เลือก Option เสริม ส่วนใหญ่ในเว็บจะมีบริการเสริมให้เลือก เช่น GPS หรือที่นั่งเสริมสำหรับเด็ก หากต้องการก็กดเลือกได้ บางเว็บจะให้เราเลือกซื้อประกันตอนนี้เลย แต่บางบริษัทก็ให้เลือกที่สนามบิน ซึ่งจริงๆ แล้วก็ควรทำประกันไว้ด้วย เพราะการขับรถต่างเมือง อาจทำให้เราไม่ถนัด และเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย โดยค่าใช้จ่ายก็จะอยู่ที่ประมาณ 15 – 30 ดอลลาร์ต่อวัน หรือตีเป็นเงินไทยประมาณ 500 – 1,000บาท
- ตรวจสอบความถูกต้อง เมื่อกดเลือกทุกอย่างเรียบร้อย ระบบจะสรุปรายละเอียดการจอง และค่าใช้จ่ายมาให้ ซึ่งเราอาจจะเห็นว่าราคามันสูงขึ้นกว่าตอนที่กดเลือกรถ เพราะการเช่ารถอเมริกาจะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติมมาด้วย เช่น Airport Concession Fee, Transportation Facility Fee, Concession Recovery Surcharge, Sale Tax, State Tax ตรวจเช็กข้อมูลทั้งหมดว่าถูกต้องหรือไม่ และอย่าลืมอ่านเงื่อนไขให้ละเอียด เช่น การยกเลิกต้องทำอย่างไร ต้องเสียค่าปรับในกรณีไหนบ้าง หากต้องการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการจอง ก็สามารถกดย้อนกลับไปแก้ไขได้
- กรอกรายละเอียด หากข้อมูลทุกอย่างถูกต้องตามที่เราต้องการแล้ว ก็ให้กรอกรายละเอียดของผู้จอง เช่น ชื่อ นามสกุล อีเมล เบอร์โทร บางเว็บจะให้กรอกรายละเอียดใบขับขี่ หรือบัตรเครดิตด้วย
- พิมพ์ใบยืนยันการจอง เมื่อกดยืนยันก็เท่ากับเสร็จสิ้นการจอง ให้เราพิมพ์ใบยืนยันการจอง ออกมา และนำติดตัวไว้ เพื่อใช้รับรถเมื่อไปถึงอเมริกา ในกรณีที่จองไปแล้ว ต้องการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดต่างๆ ก็สามารถติดต่อกับบริษัทเช่ารถอเมริกาได้เลย
CheapOair มี Promotion ส่วนลด $8 โดยใช้ promo code “CAR8” ได้เลย
รับรถ พร้อมขับเที่ยวได้เลย
เมื่อเดินทางมาถึงอเมริกา สามารถไปรับรถตามสถานที่ วัน และเวลาที่ระบุไว้ได้เลย ในกรณีที่เลือกรับรถที่สนามบิน จะมีรถของบริษัทเช่ารถอเมริกา วนมารับทุก 15 นาที เมื่อถึงศูนย์รับรถ ให้นำใบยืนยันการจองไปยื่น หากลืมหรือทำหายระหว่างทาง ให้ใช้พาสปอร์ต และบัตรเครดิตที่เราใช้ชำระเงินแทนได้ และเค้าจะถามว่าเราอยากเลือกเติมน้ำมันแบบไหน (ที่อเมริกาจะเรียก”น้ำมัน”ว่า “gas” นะคะ ย่อมาจาก gasoline) ส่วนใหญ่มีให้เลือก 3 แบบ
- ขับมาคืนแบบน้ำมันเต็มถัง โดยเราเติมน้ำมันจากที่อื่นมาให้เต็มถังเหมือนเดิมก่อนคืนรถ แบบนี้เราไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มเติมให้ทางศูนย์อีก (ควรเลือกแบบนี้ค่ะจะคุ้มสุด)
- ขับกลับมาคืนด้วยน้ำมันเท่าไหร่ก็ได้ โดยซื้อนำมันเต็มถังกับทางศูนย์ก่อนรับรถ เรทน้ำมันจะใกล้เคียงกับปั๊มข้างนอก อาจแพงกว่าไม่มากค่ะ
- ขับกลับมาคืนด้วยน้ำมันเท่าไหร่ก็ได้ โดยซื้อน้ำมันเติมให้เต็มถังในเรทของทางศูนย์หลังจากคืนรถ ซึ่งอาจจะมีราคาแพงกว่าท้องตลาดมาก และยังเสียค่า Service Charge เพิ่มเติมอีกต่างหาก
เมื่อได้รถแล้ว ลองเช็กดูคร่าวๆ ว่ารถมีปัญหาอะไรไหม มีร่องรอยตรงไหนบ้าง ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐานด้วยก็ดี ส่วนน้ำมันทางศูนย์จะเติมมาให้เต็มถังอยู่แล้ว เราก็ยื่นใบนำรถออกให้กับเจ้าหน้าที่บริเวณทางออก แล้วขับออกไปเที่ยวได้เลย
คืนรถ
ส่วนขั้นตอนการคืนรถนั้นไม่ยาก หลังจากเติมน้ำมันเต็มถังให้เรียบร้อย ขับรถมายังศูนย์เช่ารถอเมริกาที่เราเลือกไว้ และนำไปจอดในบริเวณจุดคืนรถ และรับใบเสร็จจากเจ้าหน้าที่ ก็เป็นอันเรียบร้อย แต่อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่าเขามีให้ระบุทั้งวันที่และเวลาในการคืนรถ ซึ่งนั่นหมายความว่าเราต้องคืนรถภายในเวลาที่กำหนดจริงๆ บางบริษัทอาจจะเผื่อเวลาให้บ้างเล็กน้อย แต่หากเกินเวลาที่กำหนดไปมาก ก็จะต้องเสียค่าปรับเพิ่มด้วย
และเช่นเดียวกับตอนขามา เราสามารถขึ้นรถจากศูนย์เพื่อเดินทางไปยังสนามบินได้เลยฟรีๆ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมจึงควรเลือกรับรถที่สนามบิน สะดวกสบาย และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางเลย
เช่ารถอเมริกา นั้นไม่ได้แตกต่างจากการเช่ารถในไทยเท่าไหร่นัก สามารถจองผ่านเว็บไซต์ได้อย่างง่ายดายภายในไม่กี่ขั้นตอน รถมีให้เลือกหลากหลาย และราคาก็ถือว่าไม่แพงเลย แต่ที่อยากจะเน้นย้ำอีกครั้งก็คือ ควรอ่านเงื่อนไขและรายละเอียดในการจองให้รอบคอบ รวมถึงศึกษากฎระเบียบการจราจรของอเมริกาไว้ด้วย จะได้ขับขี่ได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย และเที่ยวอย่างมีความสุขสบายใจตลอดทริปค่ะ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการ เช่ารถในอเมริกา
ถาม : สามารถเช่ารถด้วยบัตรเดบิตได้หรือไม่?
ตอบ : บริษัทให้เช่าบางแห่งรับบัตรเดบิต แต่อาจต้องใช้เงินมัดจำจำนวนมากและมีข้อกำหนดที่เข้มงวดมากกว่าเมื่อเทียบกับบัตรเครดิต
ถาม : สามารถเพิ่มชื่อผู้ขับขี่ได้หรือไม่?
ตอบ : บริษัทให้เช่าส่วนใหญ่อนุญาตให้คุณเพิ่มคนขับเพิ่มเติมได้โดยเสียค่าธรรมเนียม
ถาม : สามารถเช่ารถข้ามรัฐหรือเข้าสู่แคนาดาหรือเม็กซิโกได้หรือไม่
ตอบ : ได้ โดยต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อน นโยบายเกี่ยวกับการเช่ารถข้ามพรมแดนของแต่ละเจ้าอาจแตกต่างกันไป
ถาม : จะเกิดอะไรขึ้นหากได้รับใบสั่งขณะเช่ารถ?
ตอบ : คุณต้องรับผิดชอบต่อการละเมิดกฎจราจรและจ่ายค่าปรับ โดยบริษัทให้เช่าอาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการจัดการเพิ่มเติมสำหรับการจัดการกรณีเหล่านี้
บทความที่เกี่ยวข้อง เช่ารถอเมริกา
4 ขั้นตอน ซื้อรถในอเมริกา รวมทุกอย่างที่ต้องรู้ ตั้งแต่เริ่มจนได้รถพร้อมขับ
โอนเงินจากต่างประเทศมาไทย แบบไหนดี รวดเร็ว ปลอดภัยที่สุด ปี 2023
5 หลักการ ขับรถในอเมริกา
เจาะลึกเบื้องหลังการทำงาน Hostess คือ ใคร มีหน้าที่อะไรบ้างในร้านอาหาร
10 เคล็ดไม่ลับ เที่ยวอเมริกาด้วยตัวเอง
เดินทางถูกใจกับ 10 เว็บไซต์หาตั๋วเครื่องบินในอเมริกา
GoGoAmerica.com เว็บรวมหลากหลายเรื่องราวน่ารู้ใน อเมริกา ทั้ง วัฒนธรรม อาหาร ชีวิตความเป็นอยู่ หางานอเมริกา สถานที่ เที่ยวอเมริกา สำหรับคนไทยที่มีเป้าหมายในอเมริกาไม่ควรพลาด