ประสบการณ์การซื้อบ้านในอเมริกา
บ้านคือวิมานของเรา เป็นประโยคที่คนทุกชาติทุกภาษามีความคิดที่ตรงกัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดออกมาในลักษณะตรงกันแบบคำต่อคำแต่ก็อยู่ในแนวความคิดความรู้สึกเดียวกัน เพราะมันเป็นปัจจัยหนึ่งในการดำรงชีวิตของมนุษย์ทุกคน แต่กว่าจะได้บ้านมาเป็นของตัวเองนั้น มันยากลำบากมากกว่าที่จะสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวกว่าจะมีบ้านกับเขาสักหลัง ต้องใช้เวลาและความอดทนเป็นอย่างมาก เมื่อได้บ้านมาเป็นของตัวเองและได้เข้าอยู่แล้วก็ยังพูดไม่ได้เต็มปากเต็มคำว่าเป็นของตัวเองจริงๆ
เพราะยังต้องผ่อนไปอีกนานนับสิบๆปี วันนี้ก็เลยเอาประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับการซื้อบ้านมาเล่าให้ฟังเผื่อจะเป็นแนวทางให้เอาไปประกอบการตัดสินใจนะคะ หลังจากไปอยู่ที่ประเทศเยอรมันมา 5 ปีหน้าที่การงานก็ต้องทำให้ย้ายกลับมาอยู่ที่สหรัฐอเมริกาในประมาณปี 2008 ตอนนั้นหลังจากปรึกษากันในครอบครัวแล้วก็เลยคิดว่าจะซื้อบ้าน เพราะคาดกันว่าคงไม่ต้องย้ายไปที่ไหนแล้วคงได้อยู่ที่นี่ไปอย่างน้อยก็ 10 หรือ 15 ปี คราวนี้ที่ตัวเองเป็นคนไทยโตมาในต่างจังหวัดและในบ้านที่มีบริเวณกว้างขวางพอสมควร บวกกับแฟนก็โตมาในรัฐ Wisconsin ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ก็เป็นฟาร์ม เลยมีความคิดเห็นตรงกันว่าจะซื้อบ้านที่มีบริเวณหรือมีเนื้อที่ให้กว้างหน่อย พอตกลงกันอย่างนี้แล้วก็เริ่มหาดูบ้านกันค่ะ ขั้นตอนการหาบ้านที่นี่ก็เริ่มจากการใช้อินเตอร์เน็ตในการทำการหาบ้านค่ะ ถ้าไม่แน่ใจว่าควรใช้เว็บไซด์ไหนก็เริ่มจากระบบการค้นหาข้อมูลทั่วไปแล้วป้อนคำสั่งการค้นหาว่า “Home for Sale in ชื่อเมือง, ชื่อรัฐ” เป็นการหยั่งเชิงก่อนก็ได้ค่ะ เพราะส่วนตัวแล้วก็เริ่มหาข้อมูลจากตรงนี้ก่อนแล้วเลือกใช้เว็บไซด์ที่มีบ้านจากบริษัทต่างๆรวมอยู่ ทำแบบนี้เราจะได้เห็นรายการบ้านที่กำลังประกาศขายทั้งหมดในบริเวณนั้น
แต่ถ้าเราใช้เว็บไซด์ของบริษัทใดบริษัทหนึ่งหรือให้เจ้าหน้าที่ Realtor หาให้เรา เขาก็จะเลือกเฉพาะบ้านในบริษัทของเขาเท่านั้นค่ะ ในขณะที่เริ่มมองหาบ้านเราต้องคิดเรื่องเงินไปด้วยนะคะว่าสามารถสู้ราคาได้ขนาดไหนและสามารถผ่อนได้เท่าไร โดยส่วนตัวแล้วได้ติดต่อกับธนาคารไว้ล่วงหน้าและทำเรื่องขออนุมัติเงินกู้ล่วงหน้าค่ะ วิธีทำก็บอกธนาคารว่าเราต้องการที่จะทำเรื่อง Pre-approved for home loan ค่ะ ทางธนาคารเขาก็จะมีคำถามต่างๆในเรื่องของการเงินเหมือนๆกับที่บ้านเรา ตรงนี้จริงๆแล้วเราสามารถทำได้ทางออนไลน์ด้วยค่ะ แต่ต้องบอกตามความจริงนะคะเพื่อที่เราจะได้ข้อมูลที่ถูกต้อง พอได้รับอนุมัติเงินกู้ล่วงหน้าแล้ว คราวนี้ทั้งตัวเองกับสามีก็ตั้งหน้าตั้งตาหาบ้านได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินมากนักเพราะรู้งบประมาณที่เหมาะสมแล้ว จากนั้นก็ติดต่อเจ้าหน้าที่ Realtor ค่ะ
สำหรับเจ้าหน้าที่ Realtor ที่ตัวเองเลือกใช้นั้นเราใช้บริการของบริษัทที่ได้รับคำแนะนำจากธนาคารของเราค่ะ เพราะว่ามีโปรโมชั่นพิเศษให้ ตอนนี้เจ้าหน้าที่ Realtor เขาก็จะหาช่วยหาบ้านในแบบที่เราต้องการ และอย่างที่บอกค่ะว่าเขาจะทำรายการโดยเลือกจากบ้านที่ประกาศขายไว้กับบริษัทของเขาเอง เหตุผลก็คือเขาจะได้ค่าคอมมิชชั่นมากกว่า แต่เขาก็ยินดีที่จะทำงานให้กับเราถ้าเราต้องการบ้านจากบริษัทอื่นค่ะ เจ้าหน้าที่ Realtor จะเป็นผู้ประสานงานให้กับเรา ติดต่อขอกุญแจบ้าน พาเราไปดูบ้านในที่ต่างๆ เป็นคนกลางส่งข้อความการต่อรองราคาให้กับเรา และเมื่อตกลงราคาได้แล้ว เจ้าหน้าที่ Realtor ของเราก็จะทำเอกสารต่างๆ ในขณะเดียวกันเราซึ่งเป็นผู้ซื้อก็ต้องติดต่อกับธนาคารเพื่อขออนุมัติเงินกู้จริง ซึ่งถ้าเราได้รับการอนุมัติล่วงหน้าหรือ Pre-approved ไว้ก่อนแล้วก็จะทำให้ทุกอย่างเร็วขึ้นค่ะ ซึ่งจะสะดวกมากถ้าคุณย้ายมาจากที่อื่นและต้องการเข้าอยู่ให้เร็วที่สุด นี่ก็เพราะว่าทางธนาคารเขาได้ตรวจเอกสารทางการเงินไว้ก่อนหน้าแล้ว สิ่งที่ธนาคารจะทำก็คือส่งเจ้าหน้าที่ประเมินราคาไปดูตัวบ้านว่าบ้านหลังนั้นเหมาะสมกับราคาที่อนุมัติเงินกู้ไว้หรือไม่ ซึ่งแน่นอนค่ะว่ามีทางเป็นไปได้ว่าเราอาจจะไม่ได้รับการอนุมัติจริงถ้าบ้านหลังนั้นไม่เหมาะกับราคาจริงๆ ถ้าเจอแบบนี้ก็มีอยู่สองวิธีคือหาบ้านใหม่ หรือ ตกลงราคากันใหม่ค่ะ ซึ่งเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนักค่ะ
และที่ต้องเตรียมอีกอย่างหนึ่งที่อาจจะไม่เกี่ยวกับการซื้อบ้านโดยตรงก็คือ ต้องมีการเตรียมเงินสำรองไว้เล็กน้อยสำหรับซื้อข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน เพราะจากประสบการณ์ที่ได้ย้ายบ้านมาหลายครั้งแล้ว ถึงแม้ว่าจะพยายามเก็บทุกอย่างไว้ แต่ก็ยังต้องมีการหาซื้อเพิ่มทุกๆครั้งในของใช้จำพวกไม้กวาด ไม้ถูพื้น น้ำยาทำความสะอาดต่างๆ น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก น้ำยาล้างห้องน้ำ ของพวกนี้เป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆที่ต้องมี และเมื่อรวมกันหลายๆชิ้นก็อาจจะเป็นจำนวนเงินที่มากพอสมควร และถ้าบางบ้านที่ไม่มีเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้าไว้ให้ เราก็ต้องซื้อเพิ่มซึ่งอย่างน้อยๆก็ว่ากันถึง $1,000 หรือมากกว่านี้ได้ง่ายๆเลยค่ะ เพราะฉะนั้นอย่ามองข้ามนะคะ เพราะตอนนี้เรามีค่าใช้จ่ายประจำรายเดือนที่จะต้องเพิ่มขึ้นแล้ว จากเท่าที่เล่ามาก็ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรยุ่งยากซับซ้อน ซึ่งจริงแล้วถ้าเราเตรียมตัวมาดีมีความพร้อมก็จะไม่มีอะไรยุ่งยากซับซ้อนเลยค่ะ อาจจะขลุกขลักเวลาเริ่มต้นถ้าใครยังไม่เคยทำมาก่อน แต่ตามประสบการณ์แล้วไม่มีอะไรยุ่งยากแต่มีขั้นตอนเตรียมตัว
GoGoAmerica.com เว็บรวมหลากหลายเรื่องราวน่ารู้ใน อเมริกา ทั้ง วัฒนธรรม อาหาร ชีวิตความเป็นอยู่ การหางานในอเมริกา สถานที่เที่ยว สำหรับคนไทยที่มีเป้าหมายในอเมริกาไม่ควรพลาด ภาพประกอบจาก: www.kcconfidential.com ,www.catel-az.com,www.realtypin.com
เพราะยังต้องผ่อนไปอีกนานนับสิบๆปี วันนี้ก็เลยเอาประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับการซื้อบ้านมาเล่าให้ฟังเผื่อจะเป็นแนวทางให้เอาไปประกอบการตัดสินใจนะคะ หลังจากไปอยู่ที่ประเทศเยอรมันมา 5 ปีหน้าที่การงานก็ต้องทำให้ย้ายกลับมาอยู่ที่สหรัฐอเมริกาในประมาณปี 2008 ตอนนั้นหลังจากปรึกษากันในครอบครัวแล้วก็เลยคิดว่าจะซื้อบ้าน เพราะคาดกันว่าคงไม่ต้องย้ายไปที่ไหนแล้วคงได้อยู่ที่นี่ไปอย่างน้อยก็ 10 หรือ 15 ปี คราวนี้ที่ตัวเองเป็นคนไทยโตมาในต่างจังหวัดและในบ้านที่มีบริเวณกว้างขวางพอสมควร บวกกับแฟนก็โตมาในรัฐ Wisconsin ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ก็เป็นฟาร์ม เลยมีความคิดเห็นตรงกันว่าจะซื้อบ้านที่มีบริเวณหรือมีเนื้อที่ให้กว้างหน่อย พอตกลงกันอย่างนี้แล้วก็เริ่มหาดูบ้านกันค่ะ ขั้นตอนการหาบ้านที่นี่ก็เริ่มจากการใช้อินเตอร์เน็ตในการทำการหาบ้านค่ะ ถ้าไม่แน่ใจว่าควรใช้เว็บไซด์ไหนก็เริ่มจากระบบการค้นหาข้อมูลทั่วไปแล้วป้อนคำสั่งการค้นหาว่า “Home for Sale in ชื่อเมือง, ชื่อรัฐ” เป็นการหยั่งเชิงก่อนก็ได้ค่ะ เพราะส่วนตัวแล้วก็เริ่มหาข้อมูลจากตรงนี้ก่อนแล้วเลือกใช้เว็บไซด์ที่มีบ้านจากบริษัทต่างๆรวมอยู่ ทำแบบนี้เราจะได้เห็นรายการบ้านที่กำลังประกาศขายทั้งหมดในบริเวณนั้น
แต่ถ้าเราใช้เว็บไซด์ของบริษัทใดบริษัทหนึ่งหรือให้เจ้าหน้าที่ Realtor หาให้เรา เขาก็จะเลือกเฉพาะบ้านในบริษัทของเขาเท่านั้นค่ะ ในขณะที่เริ่มมองหาบ้านเราต้องคิดเรื่องเงินไปด้วยนะคะว่าสามารถสู้ราคาได้ขนาดไหนและสามารถผ่อนได้เท่าไร โดยส่วนตัวแล้วได้ติดต่อกับธนาคารไว้ล่วงหน้าและทำเรื่องขออนุมัติเงินกู้ล่วงหน้าค่ะ วิธีทำก็บอกธนาคารว่าเราต้องการที่จะทำเรื่อง Pre-approved for home loan ค่ะ ทางธนาคารเขาก็จะมีคำถามต่างๆในเรื่องของการเงินเหมือนๆกับที่บ้านเรา ตรงนี้จริงๆแล้วเราสามารถทำได้ทางออนไลน์ด้วยค่ะ แต่ต้องบอกตามความจริงนะคะเพื่อที่เราจะได้ข้อมูลที่ถูกต้อง พอได้รับอนุมัติเงินกู้ล่วงหน้าแล้ว คราวนี้ทั้งตัวเองกับสามีก็ตั้งหน้าตั้งตาหาบ้านได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินมากนักเพราะรู้งบประมาณที่เหมาะสมแล้ว จากนั้นก็ติดต่อเจ้าหน้าที่ Realtor ค่ะ
สำหรับเจ้าหน้าที่ Realtor ที่ตัวเองเลือกใช้นั้นเราใช้บริการของบริษัทที่ได้รับคำแนะนำจากธนาคารของเราค่ะ เพราะว่ามีโปรโมชั่นพิเศษให้ ตอนนี้เจ้าหน้าที่ Realtor เขาก็จะหาช่วยหาบ้านในแบบที่เราต้องการ และอย่างที่บอกค่ะว่าเขาจะทำรายการโดยเลือกจากบ้านที่ประกาศขายไว้กับบริษัทของเขาเอง เหตุผลก็คือเขาจะได้ค่าคอมมิชชั่นมากกว่า แต่เขาก็ยินดีที่จะทำงานให้กับเราถ้าเราต้องการบ้านจากบริษัทอื่นค่ะ เจ้าหน้าที่ Realtor จะเป็นผู้ประสานงานให้กับเรา ติดต่อขอกุญแจบ้าน พาเราไปดูบ้านในที่ต่างๆ เป็นคนกลางส่งข้อความการต่อรองราคาให้กับเรา และเมื่อตกลงราคาได้แล้ว เจ้าหน้าที่ Realtor ของเราก็จะทำเอกสารต่างๆ ในขณะเดียวกันเราซึ่งเป็นผู้ซื้อก็ต้องติดต่อกับธนาคารเพื่อขออนุมัติเงินกู้จริง ซึ่งถ้าเราได้รับการอนุมัติล่วงหน้าหรือ Pre-approved ไว้ก่อนแล้วก็จะทำให้ทุกอย่างเร็วขึ้นค่ะ ซึ่งจะสะดวกมากถ้าคุณย้ายมาจากที่อื่นและต้องการเข้าอยู่ให้เร็วที่สุด นี่ก็เพราะว่าทางธนาคารเขาได้ตรวจเอกสารทางการเงินไว้ก่อนหน้าแล้ว สิ่งที่ธนาคารจะทำก็คือส่งเจ้าหน้าที่ประเมินราคาไปดูตัวบ้านว่าบ้านหลังนั้นเหมาะสมกับราคาที่อนุมัติเงินกู้ไว้หรือไม่ ซึ่งแน่นอนค่ะว่ามีทางเป็นไปได้ว่าเราอาจจะไม่ได้รับการอนุมัติจริงถ้าบ้านหลังนั้นไม่เหมาะกับราคาจริงๆ ถ้าเจอแบบนี้ก็มีอยู่สองวิธีคือหาบ้านใหม่ หรือ ตกลงราคากันใหม่ค่ะ ซึ่งเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนักค่ะ
และที่ต้องเตรียมอีกอย่างหนึ่งที่อาจจะไม่เกี่ยวกับการซื้อบ้านโดยตรงก็คือ ต้องมีการเตรียมเงินสำรองไว้เล็กน้อยสำหรับซื้อข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน เพราะจากประสบการณ์ที่ได้ย้ายบ้านมาหลายครั้งแล้ว ถึงแม้ว่าจะพยายามเก็บทุกอย่างไว้ แต่ก็ยังต้องมีการหาซื้อเพิ่มทุกๆครั้งในของใช้จำพวกไม้กวาด ไม้ถูพื้น น้ำยาทำความสะอาดต่างๆ น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก น้ำยาล้างห้องน้ำ ของพวกนี้เป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆที่ต้องมี และเมื่อรวมกันหลายๆชิ้นก็อาจจะเป็นจำนวนเงินที่มากพอสมควร และถ้าบางบ้านที่ไม่มีเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้าไว้ให้ เราก็ต้องซื้อเพิ่มซึ่งอย่างน้อยๆก็ว่ากันถึง $1,000 หรือมากกว่านี้ได้ง่ายๆเลยค่ะ เพราะฉะนั้นอย่ามองข้ามนะคะ เพราะตอนนี้เรามีค่าใช้จ่ายประจำรายเดือนที่จะต้องเพิ่มขึ้นแล้ว จากเท่าที่เล่ามาก็ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรยุ่งยากซับซ้อน ซึ่งจริงแล้วถ้าเราเตรียมตัวมาดีมีความพร้อมก็จะไม่มีอะไรยุ่งยากซับซ้อนเลยค่ะ อาจจะขลุกขลักเวลาเริ่มต้นถ้าใครยังไม่เคยทำมาก่อน แต่ตามประสบการณ์แล้วไม่มีอะไรยุ่งยากแต่มีขั้นตอนเตรียมตัว
ขั้นตอนเตรียมตัวที่สรุปเป็นขั้นตอนย่อ
- เตรียมเงินสำรองไว้อย่างน้อยห้าพันเหรียญสำหรับค่าใช้จ่ายเล็กๆน้อยๆที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากย้ายเข้าบ้านใหม่ (ไม่รวมเงินดาวน์) เงินจำนวนนี้ถ้าเหลือก็เก็บสำรองไว้ในยามฉุกเฉินได้
- ประมาณงบประมาณและค่าผ่อนบ้านต่อเดือนว่าจะสามารถสู้ราคาได้ในช่วงไหน
- เตรียมเงินดาวน์ไว้ประมาณ 20% ของงบประมาณที่ตั้งไว้ ซึ่งต้องแยกต่างหากจากเงินสำรองในข้อแรกนะคะ
- หาบ้านที่กำลังประกาศขายจากอินเตอร์เน็ตโดยกำหนดราคาสูงสุดไว้ที่ราคาที่เราจะสู้ได้
- ติดต่อธนาคารเพื่อดูว่าจะได้รับอนุมัติเงินกู้ตามที่เราตั้งงบไว้หรือไม่
- ติดต่อเจ้าหน้าที่ Realtor เพื่อไปดูบ้าน
- ตัดสินใจเลือกและต่อรองราคา
- นำราคาที่ตกลงหลังจากต่อรองแล้วไปขออนุมัติเงินกู้จริง
- รอการประเมินราคาและการอนุมัติเงินกู้
- เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็เข้าอยู่ได้
บทความที่เกี่ยวข้อง
5 เว็บไซต์ สำหรับคนโสดที่อยากเปิดโหมด หาคู่ต่างชาติ Airbnb ธุรกิจแชร์ห้องว่าง อีกหนึ่งวิธี หาเงินเพิ่มในอเมริกา 5 แนวทาง สร้างงานที่บ้านแบบชาวอเมริกัน !GoGoAmerica.com เว็บรวมหลากหลายเรื่องราวน่ารู้ใน อเมริกา ทั้ง วัฒนธรรม อาหาร ชีวิตความเป็นอยู่ การหางานในอเมริกา สถานที่เที่ยว สำหรับคนไทยที่มีเป้าหมายในอเมริกาไม่ควรพลาด ภาพประกอบจาก: www.kcconfidential.com ,www.catel-az.com,www.realtypin.com
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับประสบการณ์ที่ดีมาเล่าสู่กันฟัง มีประโยชน์มากค่ะ
สนใจซื้อบ้านในแคลิฟอร์เนียติดต่อ สุรินทร์ พุ้มไม้ (818) 445-4220
email:surincentury21@yahoo.com
มีปัญหาด้านกฏหมายโทรปรึกษาฟรี
รับยื่่นใบเขียวทุกชนิด
สำนักงานทนายความที่ชำนาญงาน Minh Nguyen Duy, 7344 Van Nuys Blvd, #10,Van Nuys,CA 91405
Tell Z818X445-4220