สัพเพเหระในอเมริกา

เรื่องเล่าในชัันเรียนอเมริกา

เรื่องเล่าในชัันเรียนอเมริกาเรื่องเล่าในชัันเรียนอเมริกา- สวัสดีค่ะกลับมาพบกันอีกครั้งกับสาวน้ำตาลเจ้าเก่า ในบทความนี้น้ำตาลมีความรู้ดีๆนำมาเล่าให้เพื่อนๆได้ฟังกัน เจ้าความรู้ที่ว่านี่ก็ไม่ได้ไปลำบากตรากตรำไปค้นไปคว้าที่ไหนไกล มันเป็นเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆที่น้ำตาลรวบรวมเอามาจากคุณครูชาวอเมริกันหลายๆท่านในคลาสเรียนของน้ำตาลเองจ้า มีเรื่องอะไรบ้างนั้นรีบตามมาดูกันเล้ยย!

เรื่องที่หนึ่ง เมื่อคุณครูมาสาย?   

สมัยที่น้ำตาลเคยเป็นหัวหน้าห้องของชั้นมัธยมศึกษาในโรงเรียนอันมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศไทย น้ำตาลยังจำได้ดีว่าครั้งหนึ่งมีคุณครูท่านหนึ่งเข้ามาสอนห้องน้ำตาลสายกว่าครึ่งชั่วโมง แต่แทนที่ท่านจะรีบทำการสอน คุณครูท่านนั้นกลับเรียกน้ำตาลไปอบรมที่หน้าชั้นอย่างหัวเสียว่าทำไมไม่ไปตามท่านมาสอนและหาว่าน้ำตาลไม่รับผิดชอบหน้าที่

“ใครเลือกเธอมาเป็นหัวหน้าห้องเนี๊ย? ลาออกไปเลยนะ ลาออกไปเลย!! แล้วเด็กผู้ชายห้องนี้ไม่มีใครมีภาวะความเป็นผู้นำเลยรึ? #$%&*#@…” (ร่ายยาวอีกพันบท) น้ำตาลก็ขึ้นสิคะขึ้น!!เหมือนองศาความร้อนในตัวมันเดือดปุดๆ ก็เลยเผลอตัวเถียงกลับไปว่า “ ครูเป็นครูแล้วทำไมไม่รู้หน้าที่ว่าต้องมาสอนนักเรียน!”

งานงอกสิคะทีนี้ ร่ายยาวบทใหม่ตามมาแบบอินฟินิตี้เลยทีเดียว ต่างกันกับที่อเมริกาค่ะ!! มีวันหนึ่งครูมาสายเกือบสิบนาที พอท่านมาถึงก็ขอโทษขอโพยนักเรียนเป็นการใหญ่และบอกพวกเราว่าในประเทศสหรัฐอเมริกาถ้าครูมาช้าเกิน 15 นาที นักเรียนสามารถเดินออกจากคลาสเรียนได้เลยโดยไม่ถือว่าขาดเรียนค่ะ

พอเรารู้อย่างนี้แล้ววันต่อมาเลยมีเพื่อนคนหนึ่งแกล้งหมุนนาฬิกาติดผนังในห้องเรียนให้เร็วขึ้น 20 นาที พอครูเดินเข้ามาพวกเราก็แกล้งทำถ้าจะลุกกลับบ้าน แกล้งครูกันขำๆสนุกดีค่ะ ^_^

เรื่องที่สอง นักเรียนในฝัน?

คุณครูในอเมริกาหลายๆคนพูดเหมือนกันหมดเลยค่ะว่า นักเรียนในฝันของพวกท่านก็คือเหล่า International Student นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นคุณครูท่านไหนๆก็อยากที่จะสอนเด็กๆเหล่านี้ เพราะอะไรน่ะรึ? ถ้าเช่นนั้นน้ำตาลก็ขออนุญาติหยิบยกกรณีตัวอย่างของคุณครูท่านหนึ่งมาเล่าให้เพื่อนๆได้ฟังกันค่ะ

เรื่องมีอยู่อยู่ว่าเมื่อก่อนคุณครูได้มีโอกาสสอนนักเรียนอเมริกันชั้นมัธยมปลายซึ่งในทุกครั้งที่ได้ทำการสอนไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนไหนๆในอเมริกาล้วนแต่นำพาให้คุณครูได้พบแต่ประสบการณ์อันเศร้าหมองค่ะ

ครั้งหนึ่งในคาบเรียนของท่านมีนักเรียนชายคนหนึ่งนอนราบอยู่กับพื้นห้อง!! คุณครูเลยเข้าไปปลุกให้ลุกขึ้นมาเรียน แต่เขาก็ไม่ยอมลุกและนอนต่อ คูณครูเลยบอกว่าถ้าจะนอนก็ให้ไปนอนที่โต๊ะเรียนของตัวเองแต่นักเรียนชายคนนั้นกลับพูดกับคุณครูว่า ถ้าคุณครูยังมายุ่งกับเขาหรือคิดจะลงโทษเขา เขาจะแจ้งผู้ปกครองให้มาดำเนินคดีกับครู นี่ล่ะค่ะคือเด็กอเมริกันแท้ๆ คุณครูก็เลยปล่อยเลยตามเลย

มีอีกกรณีของคุณครูผู้หญิงท่านหนึ่ง ครูบอกว่าในห้องเรียนหนึ่งที่ท่านเคยสอนมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไม่ชอบท่าน ทุกครั้งที่คุณครูเข้าไปทำการสอน เด็กคนนั้นก็จะกางโปสเตอร์รูปแม่มดทุกครั้งที่คุณครูหันมาทางเธอ แต่ครูก็ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ เพราะเธอมีสิทธิ์ที่จะทำหากการกระทำนั้นไม่ทำร้ายใคร เพราะที่นี่คืออเมริกา!

เรื่องที่สาม เมื่อฉันง่วงนอนในห้องเรียน

น้ำตาลเชื่อว่าเพื่อนๆทุกคนต้องเคยมีประสบการณ์ง่วงหงาวหาวนอนในห้องเรียนกันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในคาบเรียนตอนบ่ายหลังจากรับประทานข้าวเที่ยงเสร็จ เมื่อหนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มย่อนทุกครั้งไป มีครั้งหนึ่งที่น้ำตาลง่วงมากจนวูบหน้าคว่ำหัวคะมำลงไปเกือบจะโขกกับพื้นโต๊ะ เพื่อนๆในห้องเลยได้หัวเราะกันยกใหญ่เพราะน้ำตาลดันนั่งหน้าสุดของห้อง

คุณครูก็ไม่ได้ว่าอะไรค่ะแค่ส่ายหน้าให้น้อยๆแล้วถามเราว่าเราโอเคไหม?เธอดูเหนื่อยๆนะ? แล้วคณครูก็ให้เบรคคลาส 15 นาทีค่ะ ใครอยากไปห้องน้ำก็ไป ใครอยากทำอะไรก็ทำ และในระหว่างนั้นคุณครูก็เล่าเรื่องโรงเรียนอนุบาลบางโรงเรียนในประเทศสหรัฐอเมริกาเขาจะมีกระบอกฉีดน้ำไว้ให้คุณครูใช้พ่นใส่หน้าของนักรียนที่ง่วงนอนในขณะที่คุณครูกำลังสอนค่ะ และคูณครูก็พูดติดตลกว่า “ฉันคงต้องหามาใช้บ้างแล้ว!”

เรื่องที่สี่ การขออนุญาติออกจากห้อง

ปกติเด็กไทยอย่างเราเวลาจะลุกไปไหนมาไหนในขณะที่คุณครูกำลังสอนอยู่หน้าห้องก็ต้องขออนุญาติอย่างเสียงดังฟังชัดใช่ไหมล่ะค่ะ? ไม่ว่าจะปวดห้องน้ำ ต้องกลับบ้านเร็ว ไปห้องพยาบาลหรือมีธุระเร่งด่วนอื่นๆที่ต้องรีบไปทำ ซึ่งจะได้รับอนุญาติหรือไม่ได้รับอนุญาตินั้นก็ขึ้นอยู่กับดุลยวินิจของคุณครูผู้กำลังสอนอยู่

ไม่ใช่แค่เด็กไทยเท่านั้นนะคะ International Student จากประเทศอื่นๆในแถบเอเชียก็เป็นเหมือนกันหมด เช่น เด็กเกาหลี หรือเด็กเวียดนาม แต่ที่อเมริกาคุณครูของน้ำตาลบอกว่าพวกเราไม่ต้องขออนุญาติค่ะ อยากไปไหนอยากทำอะไรก็เชิญตามสบายเลย ถ้าครูอยากรู้เดี๋ยวท่านถามเอง เพราะการส่งเสียงขออนุญาติในขณะที่คุณครูกำลังทำการสอนนั้นถือเป็นเรื่องเสียมารยาท เหมือนการคุยกันเสียงดังในห้องเรียนหรือการใช้โทรศัพท์ในห้องเรียนนั่นเอง

ดังนั้นเวลาที่นักเรียนอยากออกไปทำธุระอะไรที่ข้างนอกห้องเรียนก็เดินออกไปอย่างเงียบๆได้เลยค่ะ ถ้าไม่ใช่แค่เป็นการปวดห้องน้ำแต่มีเรื่องคอขาดบาดตายอื่นๆก็อาจเขียนโน๊ตฝากเพื่อนเอาไว้ให้ครูตอนหมดคาบเรียน หรือสามารถส่งอีเมลแจ้งเหตุผลของการกระทำได้ในภายหลังจ้า

เรื่องที่ห้า เมื่อสาวเอเชียเล่นกับเพื่อนๆ

โดยนิสัยส่วนตัวแล้วสาวๆชาวเอเชียอย่างเรามักจะมีนิสัยกุ๊กกิ๊กๆน่ารักน่าหยิกใช่ไหมล่ะค่ะ เวลาเราเล่นกับเพื่อนผู้ชายก็จะมีบ้างที่เป็นอารมณ์ประมาณแบบพ่อแง่แม่งอน ถ้าเพื่อนๆนึกภาพตามไม่ออกก็ลองมาดูตัวอย่างนี้กันเลยค่ะ

ตัวอย่างที่ 1

เพื่อนนักเรียนชาย          : “ตัวเอง… ทำไมวันนี้หน้าบานจัง?”

นักเรียนหญิงชาวเอเชีย     : “อีตาบ้า!!!” ว่าแล้วก็ตบลงที่แขนของนักเรียนชายคนนั้นเข้าให้ ผั๊วะ!!!

ตัวอย่างที่ 2

เพื่อนนักเรียนชาย          : “เราว่าข้อนี้เธอทำผิดอ่ะ”

นักเรียนหญิงชาวเอเชีย     : ผั๊ว!!! บนแผ่นหลังของเพื่อน “เราว่าเราทำถูกแล้ว!!”

คราวนี้เพื่อนๆคงพอจะนึกภาพตามกันได้แล้วใช่ไหมคะ? เนื่องจากในห้องเรียนของน้ำตาลมีทั้งสาว จีน ไทย เกาหลี แต่ในกรณีขอยกให้สาวๆชาวจีนเป็นที่สุดของที่สุดพลังยุทธ์ฝ่ามือพิฆาตรค่ะ ไม่ว่าจะดีใจ เสียใจ ตกใจ รีแอคชั่นของพวกเธอคือการตบผั๊ว!!ไปที่อวัยวะภายนอกของเพื่อนชายที่สามารถเห็นได้ถนัดไม่ว่าจะเป็นแขน หลัง และ ไหล่

บางรายน้ำตาลเคยเห็นตบไปที่ศีรษะของเพื่อนด้วยก็มี แล้วทีนี้คุณครูคนหนึ่งอดรนทนไม่ไหวที่เห็นพฤติกรรมเหล่านี้ เธอจึงถามนักเรียนหญิงที่ชอบตบตีเพื่อนไปว่า “เธอเกลียดเขาหรือถึงตีเขา?” นักเรียนหญิงคนนั้นก็ส่ายหน้าค่ะ และตอบว่าเธอแค่แกล้งเขาเล่นเฉยๆ

คุณครูจึงบอกว่าให้ระวังตัวนะจ๊ะเพราะการกระทำนี้ในประเทศสหรัฐอเมริกา อาจเข้าข่ายการทารุณกรรม หรือ Abuse เอาได้ และถ้านักเรียนชายจะไปฟ้องร้องเอาผิดก็สามารถกระทำได้ในทันทีเพราะมีพยานรู้เห็นเต็มไปหมด ทีหน้าทีหลังถ้าจะเล่นหยอกล้ออะไรกันในประเทศสหรัฐอเมริกาแห่งนี้ก็เบาๆมือหน่อยแล้วกันนะจ๊ะแม่คุณ !! J


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *