6 ข้อชวนคุยกับ E-Commerce ในอเมริกา
ถ้าหากพูดถึง การทำธุรกิจในอเมริกา ยุคนี้ ต้องบอกเลยว่า E-Commerce เป็นช่องการทำธุรกิจที่มีความจำเป็นอย่างมาก ในเวลาไม่ถึง 10 ปีนี้ E-Commerce มีอัตราเติบโต รวดเร็ว อย่างต่อเนื่อง ไปทั่วโลก ก่อนอื่นเราขออธิบายคร่าวๆ ก่อนละกันค่ะว่า E-Commerce คืออะไร
ธุรกิจ E-Commerce ก็คือการค้าขายหรือการทำธุรกิจผ่านทางอินเทอร์เน็ต ทั้งการซื้อและขายสินค้าหรือบริการเกิดขึ้นด้วยการใช้อินเทอร์เน็ต รวมไปถึงการโอนเงินและข้อมูลเพื่อทำธุรกรรมต่างๆ ก็จะทำผ่านทางอินเทอร์เน็ตทั้งสิ้น พูดง่าย ๆ เลยก็คือเป็นการเสนอขายของ หรือบริการต่างๆผ่านทางโลกออนไลน์นั่นเองค่ะ
ถ้าหากพูดถึงประเทศที่น่าจะมีการใช้ E-Commerce มากที่สุด ประเทศหนึ่งที่ต้องพูดถึงเลยก็คือ อเมริกา ซึ่งการที่ธุรกิจ E-Commerce ในอเมริกาเติบโตและตีตลาดลูกค้าได้ดี เราต้องสังเกตุหลายอย่างทั้งเรื่องของการใช้ชีวิต Lifestyle รวมถึงวัฒนธรรมและพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศเขาด้วย ลองมาดูกันค่ะว่ามีแง่มุมที่น่าสนใจอะไรบ้างเกี่ยวกับ E-Commerce อเมริกาและทำไม ธุรกิจ E-Commerce ของที่นั่นถึงได้เฟื่องฟูนัก
1. คนอเมริกานิยมทำธุรกรรมผ่านออนไลน์
ความนิยมของคนอเมริกาในการทำธุรกรรมออนไลน์มีมากขึ้นและครอบคลุมทั่วถึง หมายถึงว่าคนอเมริกาเข้าใจและหันมาใช้อินเทอร์เน็ตในชีวิตประจำวัน ในทุกๆ ด้าน รวมถึงการจับจ่ายใช้สอย การเข้าถึงบัตรเครดิต บัตรเดบิต และบริการออนไลน์ Payment ได้ทั่วถึง ดังนั้นปรากฏการณ์นี้เลยซับพอร์ตลาด E-Commerce อเมริกา มากขึ้นไปอีก ดังนั้นยิ่งประเทศไหนเข้าถึงอินเทอร์เน็ต รวมถึงบัตรเครดิต เดบิต และ Internet banking ก็ยิ่งง่าย ที่จะทำให้การซื้อขายออนไลน์เติบโตมากขึ้นไปอีกเหมือนที่อเมริกานั่นเองล่ะค่ะ
2. โครงสร้างพื้นฐานการค้าออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ
การค้าออนไลน์ในอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเว็บค้าขายออนไลน์ยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon ถือเป็นเว็บของธุรกิจ E-Commerce อเมริกา ที่ได้รับการยอมรับและมีความน่าเชื่อถือในเชิงคุณภาพของสินค้าและยังเชื่อถือได้ว่าจะไม่โดนโกง เพราะมีการคัดสรร ตรวจสอบจากเว็บอย่างดี การขนส่งก็รวดเร็วฉับไว คืนสินค้าได้สะดวกสบาย ทำให้ผู้ซื้อไว้วางใจในการซื้อ แต่หากเทียบกับไทยแล้ว ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ E-Commerce เรามักจะได้ยินว่ามีการโกงจากคนขาย และการขนส่งก็ทำให้สินค้าเสียหาย แต่อย่างไรก็ตามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ถือว่าภาพลักษณ์ E-Commerce ในไทย ดูดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจการค้าออนไลน์ของไทยเติบโตได้อีกมากเลยละค่ะ ดังนั้นการที่ค้าออนไลน์จะไปได้สวย โครงสร้างพื้นฐานของตลาดออนไลน์ต้องมั่นคง น่าเชื่อถือ ถือว่าสำคัญมากๆ ค่ะ
ช้อปที่ Stila ได้ส่วนลดสูงสุดถึง 80% คลิ๊กที่นี่ค่ะ
3. คนอเมริกามีงานอดิเรกที่หลากหลาย
การที่คนอเมริกามีงานอดิเรกที่หลากหลาย มีส่วนยังไงทำให้ E-Commerce อเมริกา เติบโตล่ะเนี่ย! ต้องบอกเลยค่ะว่ามันมีส่วนไม่น้อยทีเดียว เพราะมันทำให้คนอเมริกาไม่ได้เน้นไปที่การเดินช็อปปิ้งตามห้างร้านหรือร้านค้าเป็นหลัก ต่างจากเราๆ ที่มักจะไปเที่ยวสยาม ไปเที่ยวเซ็นทรัล เที่ยวเมญ่าในวันหยุด แต่คนอเมริกากลับมีหลากหลายงานอดิเรก ทั้งการไปเดินทางท่องเที่ยว การ hang out กับเพื่อนๆ หรือจะเป็นเล่นสกี Ice Fishing ไปจนถึงออกไปเดินป่า การที่มี E-Commerce เข้ามา ก็ยิ่งทำให้ห้างเงียบเหงาลงไปอีก และยิ่งห้างที่อเมริกามักจะไม่ได้อยู่รวมๆกันหรือติดกันจนเดินทางไปได้ง่ายๆ ด้วยแล้ว ก็ไม่ต้องแปลกใจเลยค่ะว่าทำไมห้างที่นั่นถึงได้ปิดตัวกันเป็นแถว
4. Venture Capital (VC) ที่รองรับการขยายตัวของธุรกิจ
เมื่อพูดถึง VC หรือ Venture Capitalซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการลงทุนร่วม สำหรับธุรกิจที่ไม่ได้มีเงินทุน ก็สามารถที่จะมองหาทุนมาร่วมลงทุนได้ ซึ่งที่อเมริกาทำได้ง่ายเพราะ Venture Capital ของอเมริกาค่อนข้างที่จะมีระบบที่แข็งแรงและเอื้อต่อการผลักดันธุรกิจเล็ก ๆ ให้เติบโตได้รวดเร็ว รวมไปถึง Start up ที่มักจะเกิดขึ้นมาอย่างสม่ำเสมอในอเมริกาก็สามารถที่จะหาทุนร่วมได้ไม่ยาก ซึ่งมันค่อนข้างมีผลต่อการขับเคลื่อนและขยาย ธุรกิจE-Commerce ไปในตัวด้วย ในขณะที่ไทยเองการหาทุน ทำธุรกิจพวกออนไลน์หรือ Start up ค่อนข้างยาก มีหลายขั้นตอน การเข้าถึง และความเข้าใจเกี่ยวกับการร่วมลงทุนมีน้อย ทำให้ตลาดออนไลน์และการแข่งขันทางธุรกิจออนไลน์ในไทยของรายย่อยจึงต้องผูกติดกับ แพลตฟอร์ม Solcial Media อย่าง Facebook หรือ Line นั่นเองค่ะ
5. รับ-ส่ง สินค้าสะดวกสบาย ไม่หายระหว่างทาง
ถ้าพูดถึงธุรกิจ E-Commerceโดยไม่พูดถึงการส่งของถึงหน้าบ้านก็คงจะไม่ได้ เพราะมันเป็นสิ่งที่มาพร้อมกัน ปัญหาการขนส่งที่อเมริกาถือว่าน้อยมาก เพราะระบบการส่งของค่อนข้างชัดเจนและมีมาตรฐานทีเดียว ทั้งเวลาการส่งก็รวดเร็ว ฉับไว สามารถส่งตรงถึงบ้านในเวลาวันเดียวเลยล่ะค่ะ
6. การรีวิวสินค้าเป็นหัวใจสำคัญของตลาดออนไลน์
ธุรกิจ E-Commerceในอเมริกา ค่อนข้างให้ความสำคัญอย่างมากถึงมากที่สุดในการติดตามการรีวิวสินค้าจากลูกค้าจริง ๆ ที่เคยซื้อสินค้าและบริการไปใช้ อย่าง Amazon.com มีการรีวิวสินค้าแต่ละตัวที่จริงจังมาก คือเว็บไซต์จะแยกเลยว่า เป็นรีวิวจากลูกค้าว่าให้ดาวสินค้านี้มากน้อยแค่ไหน สัดส่วนเท่าไหร่ แสดงชัดเจน มีส่วนที่ชื่อว่า Customer images ที่ให้คนที่ต้องการซื้อเห็นรูปของลูกค้าที่เคยซื้อของไป จะได้เอารูปไปเทียบกับรูปประกาศขายได้ และยังมีส่วนความคิดเห็นของลูกค้าที่ใช้จริงต่อสินค้านั้นๆ แยกออกมาชัดเจน แถมยังจัดกลุ่มความคิดเห็นอีกด้วย ว่ากลุ่มนี้พูดถึงไซส์ กลุ่มนี้พูดถึงวัตถุดิบการผลิต กลุ่มนี้พูดถึงการใช้งาน ซึ่งมันทำให้เราเลือกที่จะอ่านรีวิวได้สะดวกขึ้น และเห็นรีวิวหลายด้านของสินค้า การจัดแพลตฟอร์มเว็บให้มีส่วนรีวิวสินค้าที่หลากหลายเข้าใจง่ายและเข้าถึงลูกค้าได้ดีแบบนี้ ถือว่าเป็นผลดีต่อคนซื้อ ให้อยากซื้อและไว้ใจที่จะคลิกซื้อมากขึ้น ไม่แปลกว่าทำไม E-Commerce อเมริกาถึงโตขึ้นไม่หยุดแบบนี้
สรุป
เรียกได้ว่าปี 2020 ก็เป็นอีกปีที่ ธุรกิจE-Commerce บุกเข้าไปแข่งขันกับธุรกิจทุกรูปแบบอย่างเมามันและเข้มข้น รวมถึง E-Commerce อเมริกา ก็มีแนวโน้มขยายตัวและเติบโตขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน ไม่จำกัดเฉพาะในประเทศ แต่เป็นธุรกิจ E-Commerce แบบข้ามประเทศเลยทีเดียว
วันนี้เราก็ได้เอาข้อสังเกตบางส่วนที่น่าสนใจของลักษณะธุรกิจ E-Commerce ในอเมริกา ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่สามารถผลักดันธุรกิจแบบE-Commerce ให้ไปไกลได้อย่างต่อเนื่องมาเสนอสู่กันฟัง เผื่อเป็นช่องให้เห็นโอกาสสำหรับคนไทยในอเมริกา หรือแม้แต่คนไทยในประเทศไทยเองที่อยากเอาข้อดีข้อด้อยมาลองปรับกับธุรกิจออนไลน์บ้านเราค่ะ