สัพเพเหระในอเมริกา

เรื่องราวดีๆ จากเด็กทำความสะอาด สู่นักศึกษา Harvard

จากเด็กทำความสะอาด สู่นักศึกษา Harvard- อีกหนึ่งเรื่องราวดีๆ ที่ GoGoAmerica จะนำมาฝากในวันนี้ค่ะ เป็นเรื่องราวของเด็กหญิงอเมริกันคนหนึ่ง ที่มีชีวิตในวัยเด็กที่สุดแสนจะลำบาก เมื่อเติบโตขึ้นมาอีกสักหน่อย แม่และพ่อเลี้ยงก็ทิ้งเธอไปในขณะที่เข้าแคมป์เรียนตอนช่วง Summer เธอกลายเป็น Homeless ไปโดยปริยายตั้งแต่นั้น ทว่าเด็กน้อยคนนี้ไม่ได้รู้สึกท้อถอยกับชีวิตแต่อย่างใด กลับใช้ชีวิตอย่างเข้มแข็ง จนสามารถเข้าสู่มหาวิทยาลัยชื่อดังของอเมริกาจนได้

จากเด็กทำความสะอาด สู่นักศึกษา Harvardเมื่อเสียงนาฬิกาปลุกตอนตี 5 ระหว่างที่เด็กคนอื่นๆกำลังนอนหลับสบายอยู่ใต้ผ้าห่มอันอบอุ่น Dawn Loggins ลุกขึ้นมาทำหน้าที่กวาดถูพื้นโรงเรียน Burns High School เธอทำความสะอาดทางเดินเหยียดยาวให้ทัน ก่อนที่โรงเรียนจะเปิดในวันนี้ และก่อนที่เด็กๆทั้งหลายจะเดินผ่าน และทำมันสกปรกอีกครั้งหนึ่ง

Dawn Loggins เมื่อยังเด็ก อาศัยอยู่กับแม่ พ่อเลี้ยง คุณยาย และพี่ชายอีกคนค่ะ ทั้งแม่และพ่อเลี้ยงก็ติดยาทั้งคู่ เธอย้ายตามครอบครัวมาเรื่อยๆ จนเปลี่ยนโรงเรียนมา 4 รอบแล้ว ทำให้เรียนไม่ทันเพื่อนสักเท่าไหร่

ชีวิตความเป็นอยู่ของน้องตอนนั้นค่อนข้างยากลำบากมากค่ะ ในบ้านไม่มีทั้งน้ำและไฟฟ้า ทำให้ตอนเด็กๆเธอไม่ค่อยได้อาบน้ำ เธอและพี่ชายต้องใส่เสื้อผ้าชุดเดิมๆซ้ำกันถึง 2 อาทิตย์ ในตอนค่ำๆ ที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน เธอและพี่ชายจะใช้เวลาเดิน 20 นาทีไปที่สวนสาธารณะ เพื่ออาบ และตักน้ำไว้ใช้ และน้ำนั้นเอง ที่ใช้สำหรับ ทั้งอาบ ดื่มกิน และชักโครก

ที่บ้านเธอค่อนข้างสกปรกมากๆ มีทั้งขยะกองพะเนินและแมลงสาบวิ่งยั้วเยี้ยเต็มไปหมด เธอให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนั้นไม่รู้เลยว่าสภาพบ้านของตัวเองนั้น ไม่เหมือนกับของเพื่อนๆ เพราะเหตุนี้เอง ในวัยเด็กเธอถึงถูกเพื่อนล้อเลียนและแกล้งอยู่เสมอ

เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ครอบครัวของเธอได้ย้ายมาอยู่ที่ North Carolina เธอและพี่ชายได้เข้าเรียนที่ Burns High School ที่นี่ เธอได้ทำงานเป็นคนทำความสะอาดในโรงเรียน Dawn เป้นเด็กเรียนดีเชียวค่ะ ได้เกรด A มาโดยตลอดทุกเทอม วันหนึ่ง เธอเดินเข้ามาหาหัวหน้างานและขอเทียนไข

จากเด็กทำความสะอาด สู่นักศึกษา Harvardเนื่องจากบ้านของเธอไม่มีไฟฟ้าใช้ เธอจึงต้องจุดเทียนไขเพื่อที่จะอ่านหนังสือ เมื่อเธอเลิกงานก็ค่อนข้างค่ำแล้ว เธอต้องการแสงไฟสักหน่อย เพื่อให้เธอได้ทำการบ้านและอ่านหนังสือเรียนได้ นอกจากนี้ เธอและพี่ยังขออนุญาติทางโรงเรียน เพื่อที่จะใช้เครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้า เนื่องจากบ้านของเธอก็ไม่มีไฟเช่นกัน ซึ่งทางโรงเรียนก็ใจดีค่ะ อนุญาติให้เธอและพี่ชายใช้ได้

และแล้ว Dawn ได้เข้าค่าย ซึ่งเป็น Camp ที่คัดเฉพาะนักเรียนที่ Top ของ State เท่านั้น พอเธอกลับมา ก็พบว่าแม่และพ่อเลี้ยงได้ทิ้งเธอไปเสียแล้ว ส่วนคุณยาย ก็มารู้ทีหลังว่าแม่ได้พาไปฝากไว้กับสถานสงเคราะห์สำหรับคนยากไร้

จากนั้น เธอต้องนอนบนโซฟาที่บ้านเพื่อนสักระยะ ก่อนที่ทางโรงเรียนจะขอให้สามีภรรยาคู่หนึ่ง ซึ่งเป็นคนขับรถโรงเรียนนั่นเอง รับดูแลน้อง Dawn ไว้ด้วย ซึ่งทั้งคู่ก็เต็มใจค่ะ ซึ่งทางโรงเรียน จะจัดสรรหาเงินสนับสนุนบางส่วน ให้ทั้งคู่สำหรับดูแลน้อง Dawn ด้วย

ใกล้จบ High School แล้ว Dawn ตัดสินใจอย่างแน่นอนว่าจะต้องหาที่เรียนต่อ เธอบอกว่าเพราะไม่อยากมีชีวิตที่เหมือนกับพ่อและแม่เธอค่ะ เธอสมัครไป 4 ที่แล้ว และอีกที่หนึ่ง ที่ไม่มีเด็กคนไหนในโรงเรียนเคยได้รับการตอบรับเลย ที่ Harvard

จากเด็กทำความสะอาด สู่นักศึกษา Harvardหลายเดือนผ่านไป เธอได้รับการตอบรับจากทั้ง 4 มหาลัย แต่ละที่ได้ส่งซองเอกสารใบโตอย่างหนา เกี่ยวกับระเบียบการเข้าเรียนและโบชัวร์ต่างๆ วันแล้ววันเล่าผ่านไปยังไม่มีอะไรตอบกลับมาจาก Harvard

วันหนึ่งที่แสงแดดสดใส ซองจดหมายจาก Harvard ถูกส่งมาถึงประตู ซองนั้นบางเฉียบ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว จะหมายถึงการถูกปฏิเสธจากโรงเรียน เมื่อเปิดซองออก ข้างในเขียนว่า

“Dear Ms. Loggins, I’m delighted to report that the admissions committee has asked me to inform you that you will be admitted to the Harvard College class of 2016. … We send such an early positive indication only to outstanding applicants …”

คือน้อง Dawn ได้รับให้เข้าเรียนใน Harvard แถมเธอยังได้ ทุนเรียน ทุนค่าใช้จ่ายระหว่างเรียน ได้ งานเสริมพิเศษใน campus แถมยังได้เงินค่ารถจาก North Carolina มายัง Harvard เสียอีกด้วยนะคะ ไชโย้!

ถึงตอนนี้ ข่าวของน้อง Dawn ได้แพร่กระจายไปเรื่อยๆ มีคนมากมายที่ซาบซึ้งกับเรื่องราวชีวิตของเธอ และช่วยบริจาคข้าวของ และเงินให้เธอไว้ใช้ ซึ่งถ้าเป็นเด็กทั่วไป อาจตื่นเต้นดีใจ ที่จะได้เงินช่วยหลั่งไหลเข้ามาอย่างนี้ แต่สำหรับสาวน้อยที่ผ่านชีวิตยากลำบาก กลับบอกว่า ตอนนี้เธอมีเส้นทางชีวิตที่ดีแล้ว และเธอก็หาเงินเองได้ด้วย เงินที่ได้มานี้ จะนำมาเป็นกองทุน เพื่อที่จะเอาไว้ให้เด็กอีกกว่า 200 คนในเมือง ที่ไม่มีโอกาสทางการศึกษาค่ะ

มีคนถามถึงพ่อและแม่ของเธอ เธอบอกว่า ฉันไม่โกรธพวกเขาหรอก ฉันรู้ดีว่าพ่อกับแม่รักฉัน พวกเขาทำไปเพราะคิดว่านั่นดีที่สุดแล้วสำหรับฉัน เพียงแค่ไม่ใช่สิ่งที่พ่อแม่ทั่วไปทำกัน ฉันไม่เห็นด้วยกับทางที่พวกเขาเลือก แต่ที่เราเป็นอยู่ในตอนนี้ ก็เป็นผลมาจากสิ่งที่เราทำไปแล้วทั้งนั้น

เธอบอกว่า ถ้าเธอไม่ได้ผ่านประสบการณ์ที่เลวร้ายอย่างนั้น เธอคงไม่ได้เป็นคนเข้มแข็ง และมุ่งมั่นอย่างเช่นทุกวันนี้

ในงานพิธีจบ High School เธอได้ส่งจดหมายเชิญไปให้พ่อและแม่ของเธอ ซึ่งทราบในภายหลังว่าพวกเขาย้ายไปที่ Tennessee แต่ไม่รู้ว่าพวกเขาจะมาได้หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คนที่เธอจะมองหาในหมู่ฝูงชน คือ  Shane พี่ชายของเธอ ที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา เขาได้ทุนเรียนที่ Berea College ใน Kentucky ค่ะ

พวกเราเพียงได้รับฟังเรื่องราวของน้องอยู่ห่างๆ ฟังแล้วยังรู้สึกซึ้งในสิ่งที่น้องได้เจอมาเลยค่ะ ซึ่งกว่าจะได้มายืนอยู่ที่ตรงจุดนี้ กว่าที่เรื่องราวของน้องจะเป็นข่าวดังที่คนรู้กันไปทั่วในเวลาสั้นๆ ใบหน้าที่จริงจังและไม่เปิดเผยให้เห็นรอยยิ้มหรือเสียงหัวเราะสักนิดนั้น คงได้ผ่านเหตุการณ์และวันเวลาที่ย่ำแย่มาอย่างยาวนาน เรียกว่าเกือบตลอดชีวิตของเธอก็ว่าได้ (ถ้าใครคลิ๊กเข้าไปดู clip แล้วคงได้เห็นบุคลิกของน้อง)

แต่ถ้ามองกันจริงๆ น้องคงต้องเข้มแข็งและมีจิตใจที่งดงามมากแน่ๆที่ยังยืนหยัดอยู่ได้ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เลวร้ายขนาดนั้น พ่อแม่ติดยา บ้านช่องสกปรก ไม่มีทั้งน้ำและไฟฟ้าใช้ กลายเป็นเด็ก Homeless น้องก็ไม่เลือกหนทางง่ายๆ เช่น ไปติดยา เป็นเด็กเร่ร่อนขอทาน หรือลักขโมย

ชีวิตที่สุดย่ำแย่ของพ่อและแม่แธอเอง กลับกลายบทเรียนที่ดีที่สุดของเธอ เมื่อไม่อยากใช้ชีวิตอย่างนั้น เธอจึงขอกัดฟันสู้ เลือกหนทางที่ยากลำบากกว่า โดยรับจ้างทำความสะอาด ตั้งใจเรียนจนได้เกรด A ทุกวิชา และที่สำคัญ เธอไม่โกรธเคืองพ่อแม่เลยที่ทิ้งเธอไป ทางที่เธอเดินเลือกนั้นต้องกระเสือกกระสนดิ้นรน ต่อต้านกับสภาพแวดล้อมของเธอเป็นอย่างยิ่ง ที่ผ่านมาเธอต้องใช้ความเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจมากขนาดไหนนะ บนหนทางที่แสนเศร้านี้

แต่แล้วพลังและคุณค่าของสิ่งดีงามของทางที่เธอตัดสินใจเลือกเดินไว้แล้วไม่ได้หายไปไหนเลย ในที่สุด มันได้ทำให้สภาพแวดล้อมของเธอเปลี่ยนแปลงไป หนทางสายนี้ของเธอดูเหมือนจะสดใสและงดงามมากขึ้นเรื่อยๆค่ะ 🙂

“…we all have to live with the consequences of our actions”, Dawn Loggins

ที่มา http://www.cnn.com/2012/06/07/us/from-janitor-to-harvard


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *