สัพเพเหระในอเมริกา

การใช้โทรศัพท์ในอเมริกา

 

โทรศัพท์ในอเมริกา
วันนี้เราจะมาพูดถึงการใช้โทรศัพท์ในอเมริกากันค่ะ เพราะมีหลายคนถามมาเยอะเหลือเกินว่าโทรกลับเมืองไทยอย่างไร จะเลือกโปรโมชั่นแบบไหน และค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ?
การใช้โทรศัพท์ในอเมริกาไม่ว่าจะโทรออกหรือรับสายเข้าก็จะถูกคิดนาทีทั้งหมด (ต่างจากเมืองไทยที่คนรับสายไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและไม่โดนหักจำนวนนาทีด้วย) ดังนั้นคนที่มาอเมริกาใหม่ๆ ต้องระวังนะค่ะ เพราะถ้าโทรเกินจำนวนนาทีที่กำหนดไว้ แล้วหละก็ จะต้องเสียค่าธรรมเนียมเยอะค่ะ เจอมากับตัวแล้ว ใน 2 เดือนแรกที่เปิดใช้บริการ เรียกได้ว่าเม้าท์กระจาย ต้องเสียค่าธรรมเนียมเกือบหลายร้อยดอลค่ะ
แต่ข้อดีของโทรศัพท์มือถือของสหรัฐอเมริกาก็คือหลังสามทุ่มมักจะโทรฟรีตลอดคืน บางยี่ห้อก็โทรฟรีได้ตั้งแต่หนึ่งทุ่ม สามารถเม้าท์กระจายได้ในช่วงนี้ และปัจจุบันการโทรจากอเมริกามาเมืองไทยเป็นเรื่องแสนง่ายและราคาถูกมาก ทั้งแบบที่เป็นบัตรโทรศัพท์ซึ่งหาได้จากปั๊มน้ำมันและร้านขายของชำในสหรัฐอเมริกาหรือซื้อแบบออนไลน์ทางอินเตอร์เนท คนที่มาถึงอเมริกาใหม่ๆ มักจะคิดถึงบ้าน ควรเตรียมซื้อบัตรโทรศัพท์สำหรับโทรออกนอกประเทศมาเตรียมไว้แต่เนิ่นๆด้วยนะค่ะ
การโทรศัพท์จากอเมริกากลับมาเมืองไทยทำได้โดยการกด 011+ 66 (รหัสประเทศไทย)+ 2 (รหัสกรุงเทพ)+ หมายเลขโทรศัพท์ + #
เช่น ถ้าต้องการโทรกลับไทยหมายเลข 02-345-6789  ก็ต้องกด  011 66 2 345 6789 #
** ไม่ต้องกด 0 ที่อยู่หน้ารหัสจังหวัด  และที่สำคัญให้กด # เมื่อกดหมายเลขทุกตัวแล้ว
การโทรศัพท์จากเมืองไทยมาอเมริกาทำได้โดยการกด  011+ 1 (รหัสประเทศอเมริกา)+ area code + หมายเลขโทรศัพท์ปลายทาง

i

สำหรับคนที่กำลังจะซื้อโทรศัพท์มือถือในสหรัฐอเมริกา มีสิ่งที่ต้องพิจารณา 2 ส่วน ดังนี้คือ

1. ตัวเครื่อง (Device) มีหลากหลายประเภทให้เลือก
  • มือถือแบบไม่มีลูกเล่นอะไรมากนัก ใช้เทคโนโลยี่ต่ำ
  • มือถือแบบพอเล่นอะไรได้นิดหน่อย เช่น nokia , LG , Sumsung
  • Smart Phone : iPhone , Android Phone, Black Berry
  • อุปกรณ์กระจายสัญญาน Internet ให้อุปกรณ์อื่น ๆ เช่น Computer, iPad ลักษณะจะมีแบบทั้งเป็น USB เล็กๆ หรือเป็นตลับแยก
2. รูปแบบการคิดค่าบริการการใช้มือถือ (PLAN) แบ่งเป็น 4 ประเภท คือ
  • แบบครอบครัว ก็คือ share ค่าใช้โทรศัพท์กันได้ระหว่างเบอร์ 2 เบอร์ขึ้นไป
  • แบบเฉพาะของส่วนบุคคล (Individual)
  • แบบบัตรเติมเงิน  (Pre-paid)
  • แบบจ่ายเป็นรายเดือน (Post-paid) การจ่ายค่าโทรศัพท์แบบ Post-paid ผู้สนใจจะเลือกวิธีนี้ต้องมี Social Security Number(SSN) แสดงในการสมัครโปรแกรมนี้ หากไม่มี SSN ไม่สามารถสมัครได้ ค่าบริการถูก เช่น ของ AT&T กำหนดไว้ว่า ตั้งแต่ 3 ทุ่มถึง 6โมงเช้าไม่คิดค่าบริการและวันเสาร์-อาทิตย์โทรฟรี (ต้องโทรในเครือข่ายเดียวกัน)
ใน Plan เองยังจะแบ่งออกเป็น “Minute” หรือนาทีที่ใช้ได้ต่อเดือนใน Plan นั้น ๆ ถ้าเกินจำนวนที่กำหนดไว้ คิดเงินเพิ่ม ยกตัวอย่าง
  • Talk Minute : เช่น 450, 700, 3000 etc หรือ Unlimited กรณีถ้าโทรศัพท์ในเครือข่ายเดียวกันไม่คิดค่าบริการ (บาง Plan อาจไม่มีโปรโมชั่นนี้) บาง Plan อาจจะมี 1500 night & weekend คือถ้าโทร กลางคืน หรือกรณีโทรวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ก็จะมาหักจากส่วนนี้แทน Talk Minute ปกติ
  • Text : ใช้รับ-ส่งข้อความ ส่วนใหญ่จะคิดเป็นครั้ง เช่น 25 cent ต่อครั้ง หรือ 5$ (ต่อเดือน) บางรัฐ ถ้าเลือกที่จะส่ง Text แบบ unlimited คิดค่าบริการ 20 $ ถ้าจำนวน 10,000 Text คิดค่าบริการประมาณ 10-15 $ ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศหนึ่งที่ผู้คนนิยมการส่ง Text นักศึกษาโปรดระมัดระวังในการขับรถยนต์ ไม่ควรส่ง Text เพราะจะถูกตำรวจจับและปรับเมื่อตำรวจพบว่า ผู้ขับรถยนต์กำลังส่ง Text เนื่องจากการส่ง Text อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุในระหว่างการขับรถยนต์ได้
  • แบบวันไหนใช้ จ่าย 1-2$ unlimited
  • WEB (บางบริษัท เช่น AT&T หรือ Verizon เรียก Data Plan) คือเอาไว้เล่น Net มักจะคิดจากปริมาณการไหลของข้อมูล หรือคิดราคาแบบ Unlimited ไปเลย เช่น Verizon จ่าย 10$ ต่อเดือน
บริษัทที่เปิดให้บริการมือถือในสหรัฐอเมริกา เช่น
1. บริษัท AT&T มีราคาแพงสุดและใหญ่สุด มีสัญญาผูกมัดกับแบรนด์มือถือ iPhone
2. บริษัท Verizon มีราคารองลงมามีสัญญากับ iPhone (CDMA)
*** ถ้าจะซื้อ iPhone ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจะต้องมีสัญญาอย่างน้อย 2 ปี + มัดจำ 450$- 500$ (จ่ายคืนใน 1 ปี+ดอกเบี้ยนิดหน่อยที่จะได้รับคืน) และจ่ายค่าโทรศัพท์ต่อเดือนประมาณ 100$
3 บริษัท T-Mobile ถูกกว่า AT&T และ Verizon เหมาะกับผู้ที่เดินทางเข้ามาอยู่ในสหรัฐอเมริการะยะสั้น เช่น 1-3 เดือน หรือ ไม่ถึง 2 ปี
บริษัท อื่นๆที่ให้บริการทางโทรศัพท์ เช่น Boost, cRicket, Virgin, Cellular ฯลฯ นักศึกษาอาจอยู่ที่อเมริกาประมาณ เดือนหนึ่ง จึงค่อยซื้อมือถือ ทั้งนี้ นักศึกษาจะได้มีเวลาศึกษา การเลือกบริษัทโทรศัพท์ และแบรนด์ของตัวเครื่องโทรศัพท์ บริษัทเล็กๆจะมีรายการโปรโมชั่นมาก แต่มักมีปัญหาเรื่องสัญญานโทรศัพท์
อนึ่ง ผู้เดินทางเข้าไปในสหรัฐอเมริการะยะสั้น เช่น ผู้ที่ไป Work and Travel ประมาณ 4 เดือน อาจเลือกใช้บริการประเภท Prepaid หรือ Individual No Contact ก็ได้ ส่วนการเลือกใช้ Plan ไหนดีสำหรับผู้ที่เพิ่งมาถึงประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นผู้เดินทางเข้าไประยะสั้น หรือ ยาว ควรเรื่มต้นด้วย Prepaid ก่อน โดยอาจนำมือถือมาจากประเทศไทยแล้วซื้อ Sim (6$) ของ T-Mobile เติมเงินโดยเติม 100$จะอยู่ได้ 1 ปีเลย มือถิอจากเมืองไทยที่ใช้ Dtac, True, AIS ใช้ได้ทันทีแต่ถ้าจะใช้ Net ด้วยก็ต้องเป็น Individual Plan ศึกษาเพิ่มเติมที่http://www.t-mobile.com/shop/plans/Cell-Phone-Plans.aspx?catgroup=Individual&WT.z_shop_plansLP=individual ใน ปัจจุบัน บริษัท T-Mobile จะมีราคาถูกที่สุด มือถือบางรุ่นสามารถ “Share” สัญญาน Internet ได้ ก่อนซื้อจึงควรถามคนขายว่า รุ่นที่เราจะซื้อมาจะใช้ internet ได้ไหม
สำหรับผู้ต้องการระงับสัญญาที่ทำไว้กับบริษัทหนึ่งบริษัทใด ( Break Contract) จะต้องจ่ายค่าระงับสัญญาเพื่อไปทำสัญญากับบริษัทอื่น (break contract)ประมาณ 200 $ ขึ้นไป การระงับสัญญา( break contract) อาจเกิดจาการที่ผู้ใช้ต้องการใช้สัญญาณเดียวกันกับมือถือของเพื่อน เพราะหากใช้สัญญาณในเครือข่ายบริษัทเดียวกันค่าโทรศัพท์จะถูกกว่า อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้ระงับสัญญา เพราะค่าระงับสัญญาแพง ควรอดทนใช้ให้ครบสัญญา 2 ปีก่อน เพราะการเปลี่ยนไปใช้สัญญาณของบริษัทอื่นหลังจากครบกำหนดสัญญา ผู้ใช้โทรศัพท์จะไม่เสียค่าบริการใดๆในการเปลี่ยนสัญญาณเป็นสัญญาณของบริษัทอื่น และยังจะสามารถใช้หมายเลขโทรศัพท์เดิมได้อีกด้วย
การนำ iPhone ที่ซื้อจากประเทศไทยไปใช้ในสหรัฐอเมริกา ย่อมทำได้ โดยผู้ใช้สามารถเลือกซื้อซิมของบริษัทใดบริษัทหนึ่งก็ได้ เช่น T-Mobile, Verizon และเลือกใช้โปรแกรมชนิดบัตรเติมเงิน(Pre-paid) โดยไม่ต้องกังวลว่า จะผิดกฎหมายไหมที่เราไม่ได้ใช้สัญญาณกับ AT&T การซื้อ iPhone ในประเทศสหรัฐอเมริกาต้องผูกขาดการใช้สัญญาณกับเครือข่าย AT&T หรือกับ Verizon เท่านั้น การนำ iPhone จากเมืองไทยไปใช้คู่กับบัตรเติมเงินของบริษัทอื่นนอกเหนือจาก 2 บริษัทที่กล่าวมาไม่ผิดกฎหมาย เพราะราคาค่าโทรศัพท์ iPhone ในประเทศไทยแพงกว่าในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศไทยไม่ได้ผูกสัญญากับ AT&T
สรูปการคิดราคาค่าบริการ
แบบรวม Talk+Text+Web ง่ายกว่า + สะดวก เหมาะกับผู้ที่เพิ่งมา ที่ให้มี Web เพราะจะได้ใช้ Google Map บนมือถือได้ Google Map จะช่วยบอกวิธีเดินทางโดยใช้ รถเมล์ หรือ รถไฟ หรือบริการสาธารณะอื่น ๆ ได้ทุกที่ทุกเวลา
ส่วนนักศึกษาที่ต้องการมี internet ใช้ในห้องแบบ high speed ควรใช้บริการของClear4G, Comcast, Verizon, RCN 2 บริษัทหลังถูกกว่าบริษัทอื่น สัญญาที่ผูกมัดระหว่างโทรศัพท์กับเครื่องโทรศัพท์มือถือ ไม่เหมาะกับผู้ที่จะมาอยู่ระยะสั้น หากเหมาะสำหรับผู้ที่จะมาอยู่นานมากกว่า 1 ปี ที่สหรัฐอเมริกาสัญญาส่วนใหญ่จะให้ทำนาน 1 ปี
สำหรับการโทรศัพท์กลับประเทศไทย อาจจะใช้ pin เช่น www.thaitelephone.com โทรจากมือถือ ไปที่ประเทศไทยได้เลย แต่ถ้าต้องการค่าโทรศัพท์ราคาถูกที่สุดตอนนี้ น่าจะเป็น การใช้ skype ส่วน GTalk หรือ Google Talk เหมาะสำหรับพิมพ์ Chat กับคนที่ใช้ GTalk ด้วยกัน เหมือนเช่น MSN ถ้าใช้ gmail ก็สามารถ Chat ได้ทั้ง ภาพและเสียง กับผู้ที่ใช้ gmail ด้วยกันได้เลย ส่วนโปรแกรมอื่นๆ อาทิ WhatsApp ( http://www.whatsapp.com/)หรือ โปรแกรม Chat บนมือถือที่กำลังอยู่ในความนิยมของวัยรุ่น เหมือน GTalk, MSN ที่ทำงานบนมือถิอ หรือ Line ( https://play.google.com/store/apps/details?id=jp.naver.line.android)
ที่มา http://govisa.wordpress.com


Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *