สัพเพเหระในอเมริกา

หาโรงเรียน ESL อย่างไรให้ตรงกับความต้องการ

หาโรงเรียน ESL อย่างไรให้ตรงกับความต้องการ การเรียนภาษาที่สองเป็นสิ่งที่จำเป็นไปแล้วสำหรับสมัยนี้ ภาษาที่อยู่ในอันดับต้นๆที่เราควรจะเรียนรู้ไว้ก็คือ ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน เป็นต้น ภาษาอังกฤษมีความสำคัญเพราะหลายๆประเทศใช้เป็นภาษากลาง และแทบจะเกือบทุกประเทศสามารถเข้าใจภาษาอังกฤษ ส่วนภาษาจีนนั้น ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกและเศรษฐกิจของจีนก็กำลังขยับขยาย การเรียนภาษาจีนจึงเป็นภาษาที่จะมีประโยชน์กับเราในการทำธุรกิจ

ซึ่งภาษาอังกฤษเองก็มีประโยชน์เช่นเดียวกันกับภาษาจีน ไม่ใช่แค่สองภาษานี้เท่านั้นที่จะเป็นประโยชน์กับเราในอนาคต ภาษาอะไรก็แล้วแต่ ถ้าเรามีความรู้ไว้ก็ไม่เสียหาย แถมยังช่วยให้เอาตัวรอดได้ด้วยเวลาไปเที่ยวที่ต่างๆ

 

ก่อนที่จะไปเริ่มกับภาษาอื่น เรามาเริ่มกับการเรียน ESL ของภาษาอังกฤษ ภาษาที่สองที่ทุกคนควรจะรู้กันก่อน โรงเรียน ESL หลายคนอาจสงสัยว่ามันคืออะไร ESL ก็คือโปรแกรมที่ทางโรงเรียนมีเพื่อที่จะให้เราเข้าใจในการเรียนภาษามากขึ้น มีให้เราเลือกมากมายทั่วโลก ซึ่งการที่มันมีตัวเลือกมากมายเนี่ยแหละ อาจจะเป็นปัญหากับเราได้เพราะเราเองก็ไม่รู้ว่าโปรแกรมไหนจะเข้าได้กับตัวเรามากที่สุด สิ่งที่เราควรจะนึกถึงเป็นสิ่งแรกของการเลือกโรงเรียน ESL ก็คือ อะไรที่เราคิดว่าสำคัญมากที่สุดกับตัวเรา แล้วก็เริ่มเลือกโรงเรียนจากจุดนั้น

 

หาโรงเรียน ESL อย่างไรให้ตรงกับความต้องการเริ่มแรกเลยก็ควรเลือกโรงเรียนที่จะสามารถทำให้เราบรรลุเป้าหมายที่เราได้วางไว้ ไม่ว่าเป้าหมายของเรานั้นจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ ซึ่งนั้นก็เป็นข้อที่น้องๆควรคำนึงถึงเช่นเดียวกันเมื่อจะเลือกมหาลัย เพื่อที่จะช่วยเกี่ยวกับธุรกิจที่บ้านหรือว่าทำตามที่ใจน้องๆต้องการก็แล้วแต่

สิ่งแรกที่น้องๆควรจะเริ่มสำหรับการหาโรงเรียน ESL นั้นก็คือ การที่เราเข้าไปดูเว็บไซต์ของโรงเรียนนั้นๆอย่างละเอียด ควรจะรู้ว่าจุดมุ่งหมายของโรงเรียนนั้นๆคืออะไร และโรงเรียนนั้นตั้งอยู่เพื่ออะไร การที่เราต้องรู้ว่าจุดประสงค์ของโรงเรียนคืออะไรนั้นก็เพื่อที่จะทำให้น้องๆรู้ว่าจุดประสงค์ของโรงเรียนนั้นจะช่วยให้น้องๆบรรลุเป้าหมายได้รึเปล่า น้องๆอาจจะขอรายละเอียดของวิชาต่างๆ syllabus หรือประมวลรายวิชาจะสามารถบอกน้องๆได้ทุกอย่างว่าวิชานั้นๆ แต่ละคาบเค้าจะทำอะไรกันบ้าง เกรดคิดยังไง สอบวันไหน การบ้านต้องส่งวันไหน มีกฏข้อบังคับอะไรบ้างโดยที่น้องๆไม่ต้องถามอาจารย์เลยตลอดทั้งเทอม แค่ดูจากใน syllabus อย่างเดียวพอ อีกอย่างนึงที่น้องๆสามารถทำได้ก็คือการพูดคุยกับเพื่อนๆที่เคยเรียนอยู่ในโปรแกรมนั้นๆหรือว่าคนที่กังเรียนอยู่ก็ได้ คำถามก็เช่น พวกเค้าประทับใจอะไร แล้วก็เรียนรู้ให้ได้มากที่สุดจากประสบการณ์ที่เค้าเล่าให้น้องๆฟัง

 

อย่างที่สองที่น้องๆควรจะทำก็คือ ดูว่าโรงเรียนเค้ามีการเลือกอาจารย์ที่มาสอนจากอะไร และดูว่าESL teacherอาจารย์นั้นมีประสบการณ์การสอนมานานเท่าไหร่แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับอาจารย์ก็คือ เค้าเคยมีประสบการณ์การสอนกับนักเรียนต่างชาติรึเปล่า ถ้าไม่มีเค้าก็อาจจะไม่เข้าใจว่าภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองของเราอาจจะใช้เวลานิดหน่อยในการที่จะเข้าใจสิ่งต่างๆ เป็นต้น ซึ่งการที่อาจารย์เคยสอนหรือเคยอยู่ในต่างประเทศจะทำให้เค้าเข้าใจพื้นฐานทางวัฒนธรรมและการศึกษาของเรามากขึ้น การที่อาจารย์มีความรู้มากกว่าหนึ่งภาษาก็เป็นอีกอย่างนึงที่สำคัญ การที่อาจารย์เคยเรียนภาษาที่สองมาแล้วก็อาจจะช่วยน้องๆ ให้คำแนะนำเราได้ว่าการเรียนภาษาที่สองจะเรียนยังไง ตามประสบการณ์ของอาจารย์ที่เค้าเคยมีกับการเรียนภาษาที่สอง

 

สิ่งต่อไปที่น้องๆต้องดูว่าโรงเรียนมีหรือไม่มีก็คือ โรงเรียนที่น้องๆจะไปนั้นได้รับการรับรองจากองค์กรนานาชาติหรือภูมิภาค หรือทั้งสองอย่างรึเปล่า ทั้งนี้ก็เพื่อว่าเราจะได้รู้ว่าโรงเรียนนั้นเชื่อถือได้แค่ไหน ยิ่งมีการรับรองมาด้วยแบบนี้คุณภาพย่อมมีความน่าเชื่อถือได้มากกว่าโรงเรียนที่ไม่ได้มีการรับรอง

 

สิ่งสุดท้ายที่ต้องรู้ก็คือโปรแกรม ESL ของโรงเรียนนั้นๆ นักเรียนที่ไปเป็นคนชาติอะไรส่วนใหญ่ น้องๆควรจะหาดูว่ามีนักเรียนในโปรแกรมมาจากกี่ชาติ ชาติอะไรบ้าง ถ้ามีมาจากหลายๆชาติก็เป็นสิ่งที่ดีเพราะน้องๆจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมที่แตกต่างและได้ใช้ภาษาอังกฤษไปด้วย มีเพื่อนที่มาจากชาติเดียวกันวัฒนธรรมเดียวกันก็เป็นสิ่งที่ดี แต่การที่รู้จักคนที่หลากหลายและแตกต่างก็จะทำให้เราโตขึ้นและเข้าใจวัฒนธรรมต่างๆมากขึ้นอีกด้วย การหาโรงเรียน ESL ก็ไม่ได้ยากอย่างที่น้องๆคิด แค่อาศัยความพยายามมากขึ้นหน่อยเท่านั้นเอง

น้องๆสามารถเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมของโรงเรียนในรัฐที่น้องๆๆอยู่ได้ที่ http://www.50states.com/

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *