ประสบการณ์สุดมันส์ในอเมริกา

ประสบการณ์การ เรียนภาษาที่อเมริกา

การเรียนภาษาที่อเมริกา Northern Virginia Community Collage สวัสดีค่ะ สำหรับบทความนี้น้ำตาลขอเล่าประสบการณ์การ เรียนภาษาที่อเมริกา ที่ Northern Virginia Community Collage หรือ NVCC เมื่อครั้งยังเป็นออแพร์ให้เพื่อนๆได้ฟังกัน แต่ขอให้ความรู้ก่อนว่าตามโครงการของออแพร์นั้น โฮสแฟมิลี่ หรือ นายจ้างของเรา จะต้องออกค่าใช้จ่ายเรื่องเรียนให้ออแพร์แต่ละคนเป็นเงิน $500 ต่อปีค่ะ และภายในหนึ่งปีออแพร์จะต้องลงเรียนอย่างน้อย 6 หน่วยกิต หรือไม่น้อยกว่า 80 ชั่วโมง ดังนั้นออแพร์งบน้อยตาดำๆอย่างน้ำตาลเลยต้องคิดวิธีที่จะใช้เงินจำนวนนี้ให้เกิดประโยชน์สูดสุดค่ะ

อันที่จริงแล้วออแพร์จะลงเรียนอะไรก็ได้นะคะ ขึ้นอยู่กับความสนใจของแต่ละบุคคล เช่นบางคนชอบถ่ายภาพก็ลงเรียนถ่ายภาพ บางคนชอบทำขนมก็เรียนทำขนม บางคนชอบประวัติศาสตร์ก็เรียนวิชาประวัติศาตร์  แต่น้ำตาลเองยังไม่เก่งภาษาเลยค่ะซึ่งถ้าจะให้เลือกเรียนคลาสอื่นท่าทางจะฟังที่อาจารย์พูดไม่รู้เรื่องเป็นแน่ เลยตัดสินใจเลือกที่จะเรียนภาษาอังกฤษนี่แหละค่ะ

NVCC นั้นเป็นวิทยาลัยของรัฐบาลที่มีหลาย Campus ซึ่งกระจายอยู่ทางตอนหนือของรัฐVirginia และแต่ละ Campus จะอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงของอเมริกาหรือ Washington DC เท่าใดนัก อย่างเช่น Loundoun Campus ที่น้ำตาลเลือกเรียนก็อยู่ห่างจาก Washington DC ประมาณ 30 ไมล์เท่านั้นเองค่ะ ที่สำคัญโรงเรียนอยู่ใกล้กับบ้านที่น้ำตาลทำงานมากด้วย และอีกเรื่องก็คือเพื่อนนักเรียนไทยมีเยอะเชียวค่ะ

คอร์สที่น้ำตาลต้องการจะเรียนเพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษ ที่นี่เขาเรียกกันว่า English for Second Language หรือ ESL ค่ะ เท่าที่จำได้ ESL นี้มีหลายประเภทค่ะ แต่น้ำตาลขอแยกคลาส ESL ของ NVCC เป็น 2 แบบหลักๆ ดังนี้

1. ESL เพื่อคนทั่วไปที่อาศัยอยู่ใน USA อยู่แล้วและอยากพัฒนาภาษาอังกฤษของตนเอง

2. ESL สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาเอา credit ในวิทยาลัย ซึ่งน้ำตาลขอเรียกอันนี้ว่า Intensive English Program

ตั้งแต่เริ่มเป็นออแพร์น้ำตาลมีเป้าหมายว่าจะอยู่ที่อเมริกาแค่ปีเดียวและจะไปเป็นออแพร์ต่อที่ยุโรปหรือแคนาดาต่อเพราะในหัวคิดได้แต่เรื่องเที่ยวค่ะ เลยเลือกที่จะเรียน ESL แบบแรก เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะได้ลงหลักปักฐานที่อเมริกามาก่อน แต่สุดท้ายก็ทำ F-1 visa หลังจบโครงการออแพร์ค่ะซึ่งรายละเอียดในส่วนนี้ขอเล่าให้ฟังในโอกาสหน้านะคะ กลับมาที่เรื่องการสมัครเรียน ESL กันต่อดีกว่า

ก่อนที่จะเข้าเรียนได้ก็ต้องไปสอบวัดระดับภาษาที่โรงเรียนเป็นอันดับแรกเพื่อจะได้รู้ว่าทักษะทางภาษาอังกฤษของเราอยู่ในระดับไหน การสอบอันนี้เราเรียกว่า Placement Test โดยทางโรงเรียนจะกำหนดวันและเวลาสอบให้และเราสามารถเชคได้ง่ายๆจากทางเวปไซต์ของโรงเรียนหรือเราจะโทรไปสอบถามเลยก็ได้ เมื่อรู้ผลแล้วว่าตัวเองอยู่ในระดับไหนก็ต้องไปรับบัตรนักเรียนค่ะ ซึ่งบัตรนักเรียนที่ทางโรงเรียนออกให้นี้เราต้องไปรับด้วยตัวเอง จะให้เพื่อน คนนอก หรือคนรู้จักไปรับแทนไม่ได้เด็ดขาด(เพราะเคยทำมาแล้ว)

ต่อมาก็ถึงขั้นตอนที่เราจะเลือกคอร์สเรียนค่ะ โดยการเลือกว่าจะเรียนอะไรได้บ้างนั้น ทางโรงเรียนจะแจกชุดกระดาษที่ระบุคอร์สต่างๆที่เปิดสอนรวมถึงรายละเอียดต่างๆไม่ว่าจะเป็นรายชื่ออาจารย์ผู้สอน จำนวนหน่วยกิต วันและเวลาที่ทำการเรียนการสอน ค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงรายละเอียดอื่นๆที่จำเป็นสำหรับนักเรียน โดยชุดกระดาษนี้น้ำตาลได้มาพร้อมกับบัตรนักเรียนค่ะ หลังจากที่เราตัดสินใจได้แล้วว่าจะลงเรียนอะไรก็เข้าไปที่เวปไซต์ของทางโรงเรียน เลือกคอร์สเรียนและจ่ายเงินผ่านทางเวปไซท์นั้นได้เลยค่ะ โดยทางโรงเรียนจะหักเงินจากบัญชีธนาคารของเราที่อเมริกาโดยตรงและส่งใบเสร็จรับเงินมาให้ทางอีเมลหรือจะให้จัดส่งทางไปรษณ์ด้วยก็ได้จ้า

ส่วนคอร์สที่น้ำตาลเลือกเรียนเป็นคอร์สแรกนั่นก็คือ Speaking and listening for high beginning. 4 หน่วยกิตค่ะ จ่ายเงินไปราวๆ $450 และจ่ายค่าหนังสือเรียนประมาณ $50 สรุปแค่คอร์สเรียนแรกทุนที่น้ำตาลได้จากโฮส $500 ก็หมดลงซะแล้ว T..T แม้เรายังต้องเรียนอีกอย่างน้อย 2 หน่วยกิตตามกฎ แต่นายจ้างของน้ำตาลก็ไม่มีทีท่าว่าจะสนับสนุนเงินในส่วนนี้เพิ่มเติมให้

ซึ่งจริงๆแล้วโฮสจะจ่ายให้มากกว่านั้นเท่าไหร่ก็ได้นะคะขึ้นอยู่กับความเมตตาของโฮสแต่ละคนค่ะ แต่เราก็ไม่ได้ฟูมฟายอะไรมากเพราะมันเป็นสิทธิ์ของเขา เงินของเขา ซึ่งเราเองนี่แหละที่แอบละโมบโลภมาก(แหะ ๆ>.<) พอจบคอร์สแรกน้ำตาลเลยเลือกลงคอร์สต่อมาที่มี่ 2 หน่วยกิตพอดีนั่นก็คือ Focus on writing for low intermediate. ซึ่งคราวนี้โดนจ่ายเองไปเต็มๆค่ะ จำได้ว่าเสียเงินในครั้งนี้ไปประมาณ $250 จ้า

ขอเล่าบรรยากาศในห้องเรียนให้ฟังกันนิดนึงนะคะ เนื่องจากวิทยาลัยแห่งนี้เป็นที่นิยมของเหล่า Immigrant และเด็กนักเรียนชาวต่างชาติอย่างเรา จึงทำให้ในห้องเรียนเป็น International มากๆ คือเราจำได้รู้จักเพื่อนร่วมชั้นที่มาจากหลายชาติหลายภาษาเลยค่ะ

อย่างเช่นห้องเรียนทั้งสองคอร์สของน้ำตาลเองที่จำได้ก็จะมีเพื่อนชาว ฮอนดูรัส โคลัมเบีย แมกซิโก เกาหลี ญี่ปุ่น อิรัก บราซิล ค่ะ ส่วนการเรียนการสอนก็จะเน้นการ Presentation มากๆ คือกว่าจะเรียนจบในแต่ละคอร์สต้องโดนออกไป Present งานหน้าห้องเฉลี่ยคนละประมาณ 3 ครั้งค่ะ ตัวอย่างการพรีเซนต์งานอันหนึ่งใน Speaking and listening class ของน้ำตาลเองนะคะ

ในครั้งนั้นอาจารย์ให้การบ้านมาว่า นักเรียนทุกคนต้องออกไปพรีเซนท์อะไรก็ได้ที่หน้าห้อง แต่การนำเสนอนั้นจะต้องมีอะไรที่เป็นกระบวนการ วิธีการ และการนำเสนอที่มีลำดับขั้นตอนที่ดี น้ำตาลขอยอมรับเลยว่าตัวเองเป็นคนที่ลืมเก่งมากโดยเฉพาะเรื่องการบ้าน วันนั้นเลยไม่ได้เตรียมอะไรไปพรีเซนท์เลย งานเข้าค่ะทีนี้ เพราะเมื่อถึงเวลาต้องนำเสนอจริงๆ เพื่อนในชั้นเรียนต่างพากันควักอุปกรณ์ออกมาแบบชุดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นชุดน้ำชา กาน้ำร้อน หนังสือคู่มือการทำอาหารและอื่นๆ ส่วนที่โต๊ะของน้ำตาลนั้น”ว่างเปล่า!!”

โชคดีที่สมองไว(พอดีเคยต้องเจอสถานการณ์แบบนี้บ่อยๆ>.<) เมื่อถึงคิวเราขึ้นมาจริงๆ น้ำตาลก็เดินพุ่งไปที่กระดาน Whiteboard หน้าห้องเลยค่ะ หลังจากที่จับปากกาได้ก็เลยวาดรูปแผนที่ประเทศไทยใหญ่ๆ ซึ่งแทนที่จะเป็นขวานทองผ่องอำไพแต่แผนที่ที่น้ำตาลวาดกลับดูคล้ายหัวไม้กอล์ฟบิ่นๆขึ้นสนิมมากกว่า ก็เพราะมาจากฝีมืออันละเมียดละเอียดราวกับ Professional ของดิฉันเองนี่แหละจ้า -..-

เพื่อนๆคงจำกันได้ในสมัยที่น้ำท่วมใหญ่ที่ประเทศไทยของเราเมื่อปี พ.ศ.2011 พอดีน้ำตาลได้มีโอกาสเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสพภัยในตอนนั้นซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่เชียงใหม่ อุตรดิตถ์ ไล่ลงไปถึงอ่างทอง อยุธยาเลยค่ะ และบ้านของน้ำตาลเองที่กรุงเทพฯ ก็โดนท่วมไปด้วย ทำให้น้ำตาลเองจำได้ขึ้นใจเลยว่ากระแสน้ำเริ่มมาจากไหน ไหลมาทางไหนแล้วพัดไปท่วมที่จุดไหนบ้าง โดยเฉพาะเรื่องการเข้าช่วยเหลือที่ผู้ประสพภัย เราเป็นอาสาและมีประสบการณ์ตรงมาก็เลยเล่าได้

เมื่อกล่าวจบจึงได้รับเสียงปรบมือกราวใหญ่จากทั้งครูและเพื่อนๆร่วมชั้นเรียน ในใจตอนนั้นรู้สึกตื้นตันมากเลยค่ะ ไม่ใช่แค่ภูมิใจที่เรานำเสนองานผ่าน แต่น้ำตาลภูมิใจที่ได้บอกเล่าประสบการณ์เหล่านี้ให้นานาชาติได้รับรู้ เพราะปัญหาที่ผ่านมาได้นั้นก็ด้วยน้ำใจของคนไทยด้วยกันนี่แหละ ดังนั้นเพื่อนๆคนไหนที่กลัวว่าไปอเมริกาแล้วจะเหงา หรือเมื่อไปแล้วมีปัญหาอาจจะหาใครช่วยไม่ได้ ก็ไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ  น้ำตาลขอรับประกันว่า อยู่ที่ไหนๆคนไทยก็คือคนไทยและคนไทยไม่ทิ้งกันแน่นอนค่ะ J

 


3 thoughts on “ประสบการณ์การ เรียนภาษาที่อเมริกา

  • สนใจไปเรียนต่อที่novaเหมือนกันค่ะ อยากสอบถามเรื่องที่พัก และการเรียนการสอน ยังไงรบกวน ขอเฟส น้ำตาลหน่อยได้ไหมค่ะ มีคำถามอยากถามหลายอย่างเลย

    Reply
  • สนใจเรียนที่นี้เหมือนกันค่ะ อยากรบกวนขอข้อมูลจากคุณน้ำตาล ฝากติดต่อกลับทาง papinpizza@hotmail.com ด้วยนะค่ะ

    Reply
    • ไปเรียนหรือยังครับ
      เป็นอย่างไรบ้างดีไหม
      การเรียนการสอนดีไหม
      กำลังคิดจะส่งลูกไปเรียนที่นี้

      Reply

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *