สัพเพเหระในอเมริกา

เรื่องต้องรู้ก่อน ขับรถในอเมริกา

แต่ละประเทศล้วนมีกฎจราจรที่แตกต่างกันไป สำหรับการ ขับรถในอเมริกา สิ่งที่ทำให้คนไทยที่ขับรถเป็นอยู่แล้วรู้สึกไม่คุ้นเคย ก็คือการขับพวงมาลัยซ้าย หลายคนจึงรู้สึกว่าขับยาก ไม่ถนัด การขับรถให้คุ้นชิน เป็นเรื่องสำคัญ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องควรต้องรู้อื่นๆอีก เช่น ป้ายจราจรและกฏระเบียบเบื้องต้น

สำหรับการ ขับรถในอเมริกา บริการต่างๆ โดยเฉพาะประเทศอเมริกา ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเคร่งครัดของกฎหมาย และค่าปรับที่สูงลิ่ว เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากเผชิญกับประสบการณ์อันเลวร้ายเหล่านี้ หรือเกิดอันตรายระหว่างขับขี่ ก็ควรศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเอาไว้ด้วย บทความนี้จะพาทุกคนไปดูกันว่า สิ่งสำคัญที่ควรรู้ก่อนขับรถในอเมริกามีอะไรบ้าง

ป้ายสัญลักษณ์ต่างๆ ที่ต้องระวังเมื่อ ขับรถในอเมริกา

  • ป้ายจำกัดความเร็ว
Speed Limit Sign

ป้ายจำกัดความเร็วเป็นที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เพราะที่ประเทศไทยก็มี แต่ปัญหาก็คือการขับรถในอเมริกา เขาจะวัดความเร็วเป็นหน่วยไมล์ต่อชั่วโมง แตกต่างจากไทยที่ใช้หน่วยกิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่ง 1.0 ไมล์ จะเท่ากับ 1.60934 กิโลเมตร ตัวเลขที่ปรากฏบนหน้าปัดจึงมักจะดูน้อย ทำให้บางคนเหยียบเพลินจนเกินกำหนด รูปถ่ายพร้อมใบสั่งก็จะส่งตรงถึงบ้านทันที นอกจากนี้ให้สังเกตป้าย Speed Enforced by Radar หรือ Speed Enforced by Aircraft ให้ดี เพราะนั่นหมายความว่า บริเวณนี้มีระบบตรวจจับความเร็วอยู่นั่นเอง เตือนแล้วนะ !

  • ป้ายความเร็วขั้นต่ำ
Minimum Speed Signs

นอกจากต้องระวังใช้ความเร็วเกินแล้ว การขับรถบนถนนบางสาย โดยเฉพาะ Highway หรือ Freeway ก็ต้องระวังไม่ให้ความเร็วต่ำกว่าที่กำหนดด้วย โดยสังเกตจากป้ายที่เขียนว่า Minimum Speed ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้รถวิ่งช้าจนกีดขวางการจราจร ซึ่งผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามก็ต้องเสียค่าปรับเช่นเดียวกัน

  • ป้ายหยุด
Stop Sign

อีกป้ายหนึ่งที่ศักดิ์สิทธิ์มากก็คือป้ายหยุด หรือ STOP ที่หมายความว่าต้องหยุดแบบที่รถจอดนิ่งสนิทจริงๆ ไม่ใช่ชะลอ หรือปล่อยไหล ไม่ว่าอีกฝั่งจะมีรถหรือไม่ หรือรถคันหน้าจะขับผ่านไปได้แล้ว ก็ต้องหยุดรอประมาณ 1-2 วินาที ถึงจะขับต่อได้

  • ป้าย Ped Xing
PED Xing Sign

ป้ายนี้หลายคนไม่คุ้น และอาจจะไม่เข้าใจด้วยว่าหมายความว่าอะไร Ped Xing ย่อมาจาก Pedestrian Crossing ซึ่งหมายถึงว่าให้ระวังคนข้ามถนน หากเห็นว่ามีคนกำลังจะข้าม ต้องหยุดทันทีไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น 

  • ป้าย Carpool Lane 
Carpool Sign

Carpool Lane เป็นช่องทางเดินรถสำหรับรถที่มีผู้โดยสาร 2 หรือ 3 คนขึ้นไป แล้วแต่กำหนด โดยจะอยู่ในเลนซ้ายสุด และมีช่องให้เข้าออกเป็นระยะ ไม่ใช่ว่าอยากจะเข้าหรือออกตรงไหนก็ได้ จุดประสงค์ก็เพื่อลดความหนาแน่นบนท้องถนน ทำให้รถติดน้อยลง ซึ่งหากเราขับรถคนเดียว แล้วเผลอไปใช้เลนนี้ ก็เตรียมเสียค่าปรับได้เลย


กฎระเบียบเบื้องต้น สำหรับการขับรถในอเมริกา

  • หยุดรถทุกครั้งเมื่อมีคนข้ามถนน
หยุดรถทุกครั้งเมื่อมีคนข้ามถนน

อเมริกาให้ความสำคัญกับคนข้ามถนนมาเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งโดยปกติแล้ว ก่อนข้ามถนนก็จะมีการกดปุ่มและรอจนสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีแดง จึงจะข้ามได้ แต่ถึงบางแห่งจะไม่มีสัญญาณไฟ หากเห็นว่ามีคนกำลังจะข้ามถนน ก็ต้องหยุดรถแบบจอดสนิทให้คนข้ามก่อนเสมอ

  • กลับรถได้หากที่แยกที่ไม่มีป้ายห้าม
ขับรถในอเมริกา 2023

อาจจะฟังดูแปลก แต่การขับรถในอเมริกา แค่เพียงสังเกตว่าไม่มีป้ายห้ามกลับรถ เราก็สามารถกลับรถที่สามแยกหรือสี่แยกได้เลย โดยรอให้สัญญาณไฟในฝั่งเราเปลี่ยนเป็นสีเขียว รถบางส่วนจะวิ่งไปทางตรง เราก็จอดรอที่เลนริมซ้ายสุด และหาจังหวะกลับรถ แต่หากสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีแดงแล้ว ให้รอรอบหน้า ห้ามกลับรถขณะที่ไฟยังแดงอยู่เด็ดขาด

  • เลี้ยวขวาผ่านตลอด
เลี้ยวขวาผ่านตลอด

เช่นเดียวกับการกลับรถ เราสามารถเลี้ยวขวาได้ตลอดทุกแยก เว้นแต่แยกที่มีป้ายกำกับว่า  No turn on red ต้องรอให้สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวก่อน จึงเลี้ยวขวาได้ 

  • ขับผ่านสี่แยกที่มีเครื่องหมายป้ายหยุดรถ 4 ทาง (four-way stop) ใช้วิธี มาก่อนไปก่อน เรียงตามคิว
มาก่อนไปก่อน เรียงตามคิว

การขับรถในอเมริกาสำหรับแยกที่ไม่มีสัญญาณไฟ จะใช้ระบบที่ป้ายหยุดรถ 4 ทาง (four-way stop) รถคันแรกที่หยุดจะมีสิทธิ์ได้ไปก่อน และถ้าจอดพร้อมกัน รถคันที่อยู่ทางขวาจะไปก่อน เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ว่าคันหน้าขับไปแล้ว เราก็จะขับตามไปได้เลย ต้องหยุดรอเพื่อดูว่ามีรถทางอื่นมาก่อนไหม ถ้าไม่มีจึงจะสามารถไปได้

  • เปิดไฟเลี้ยวก่อนเปลี่ยนเลนทุกครั้ง
เปิดไฟเลี้ยวก่อนเปลี่ยนเลนทุกครั้ง

จริงๆ แล้วข้อนี้น่าจะเป็นเรื่องพื้นฐานที่คนขับรถทุกคนต้องทำ อย่างไรก็ตามในประเทศไทยก็มักจะเจอการเปลี่ยนเลนโดยไม่ได้เปิดไฟเลี้ยวได้บ่อย หรือเปิดไฟขอทางไปแล้วไม่ให้ก็มี แต่การขับรถในอเมริกาต้องเปิดไฟเลี้ยวเพื่อขอทางก่อนเปลี่ยนเลนทุกครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ร่วมถนนคนอื่นๆ ก็จะชะลอและให้ทางเสมอ เราเองก็ต้องทำเช่นนั้นเมื่อมีคนขอทางเช่นกัน

  • ออกผิดก็ต้องขับต่อไป
ออกผิดก็ต้องขับต่อไป2

คนที่ใช้ Highway หรือ Freeway ต้องเคยออกผิดช่อง หรือขับเลยทางออกกันมาบ้าง ซึ่งที่เมืองไทยบางคนไม่ยอมขับต่อ พยายามชะลอ ถอยหลัง และเปลี่ยนเส้นทางไปตามที่ตัวเองต้องการ แต่การขับบรถในอเมริกาทำแบบนั้นไม่ได้ จะถือเป็นความผิดที่ร้ายแรงมาก ไม่คุ้มกับการเสียค่าปรับแน่นอน เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเบี่ยงออกผิดทาง หรือขับเลยทางออก ก็ต้องขับต่อไป


การใช้บริการต่างๆ 

  • ที่จอดรถ
parking at grocerty

ตามห้างร้าน Grocery store หรือร้านอาหาร ส่วนใหญ่ที่จอดรถไม่ต้องเสียเงินค่ะ ยกเว้นหากอยู่ในตัวเมืองใหญ่ๆ เค้าอาจจำกัดให้จอดได้ไม่เกิน 1-3 ชั่วโมง หากต้องการเดินเล่นในที่ต่างๆของตัวเมือง และต้องใช้บริการตึกจอดรถหรือลานจอดรถ จะต้องเสียเงินค่าจอด โดยจะคิดเป็นรายชั่วโมง หรือเราจะเหมาจ่ายทั้งวัน หรือทั้งคืนก็ได้ค่ะ โดยรับบัตรที่ทางเข้า และจ่ายตรงตู้ในตึก หรือต้องทางออกเลย แล้วแต่กฏของแต่ละที่

parking with ticket machine

ตามสถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองใหญ่ๆ อาจจะมีป้ายซึ่งเขาจะระบุไว้เลยว่าจอดได้วันเวลาไหน นานเท่าไหร่ บางที่จะมีเครื่องเก็บเงินอยู่บริเวณนั้น เมื่อจ่ายเงินและได้ใบเสร็จมา ให้วางไว้บริเวณคอนโซลหน้ารถ เวลาเจ้าหน้าที่มาตรวจจะได้มองเห็น

parking side road with meter

หากเราต้องจอดรถริมถนนในเมือง เราอาจจะเห็นเสาเตี้ยๆและมีมิเตอร์เก็บเงินอยู่ด้านบนตรงจุดที่จอดรถแต่ละคัน เราสามารถหยอดเหรียญหรือใช้บัตรเคดิตหรือเดบิตเพื่อจ่ายค่าจอดในจุดที่เราจอด โดยจะมีเวลานับถอยหลังขึ้นที่มิเตอร์ บอกเวลาที่เหลือที่เราจะจอดได้ค่ะ

  • ปั๊มน้ำมัน

การเติมน้ำมันในอเมริกา ไม่มีคนมาคอยบริการให้เหมือนเมืองไทย ทุกอย่างเราต้องทำเองหมด หากจ่ายด้วยบัตรเครดิต เมื่อขับรถเข้าไปจอดบริเวณหัวจ่ายแล้ว ก็สามารถรูดบัตร และกดเลือกได้เลยว่าจะเติมน้ำมันแบบไหน เท่าไหร่ จากนั้นหยิบหัวจ่ายไปเสียบเข้าช่องเติมที่ถังน้ำมัน เปิดหัวจ่ายและล็อคค้างไว้ให้น้ำมันไหลไปเรื่อยๆ รอจนกว่าจะเติมเสร็จ เมื่อเต็มถังมันจะตัดอัตโนมัติ จากนั้นนำหัวจ่ายไปเก็บคืนที่

เติมน้ำมันที่อเมริกา

ในกรณีที่จ่ายด้วยเงินสดก็คล้ายกัน เพียงแต่เราต้องเข้าไปแจ้งพนักงานแคชเชียร์ในมินิมาร์ทว่าจะเติมเท่าไหร่ รถอยู่ที่ช่องหัวจ่ายหมายเลขอะไร พอเขาเซตระบบให้เสร็จ เราก็กลับออกไปเลือกประเภทน้ำมัน และเติมได้เลย

  • Toll way

ที่อเมริกา ทางด่วนหรือ Toll หากไม่มี Pass เราต้องขับเข้าช่องที่มีคนเก็บเงินเท่านั้น โดยอาจจ่ายเป็นเหรียญเงิน โดยโยนเข้าตะกร้า หรือจ่ายเป็นแบงค์ให้เค้าทอน บางที่จ่ายด้วยบัตรเครดิตได้ค่ะ ต้องระวัง ทางเข้า Toll หรือออก Toll บางจุดไม่มีคนเก็บเงินต้องใช้ pass เท่านั้น pass ในแต่ละพื้นที่ของอเมริกาก็ใช้ต่างกัน เช่น

EZPass

Ez-Pass ใช้ได้กับรัฐ Pennsylvania, Ohio, West Virginia, Indiana, Illinois, Kentucky, Virginia, North Carolina, Maryland, New Jersey, Delaware, New York, Massachusetts, New Hampshire, Rhode Island, Maine และใช้ได้เฉพาะที่ Orando ใน Florida.

SunPass

SunPass ใช้ได้กับรัฐ Florida, Georgia and North Carolina

FasTrak

FasTrak ใช้ได้กับรัฐ California

การจ่ายเงินค่าผ่านทาง ทำได้ 2 วิธีคือ

  • จ่ายตอนเข้า คล้ายกับเวลาขึ้นทางด่วนที่เมืองไทย แต่ที่อเมริกาจะคิดตามจำนวนเพลา ไม่ใช่จำนวนล้อ รถยนต์ธรรมดาขนาด 2 ตอน 4 ล้อ 4 ประตู จึงถือเป็น 2 เพลา เมื่อไปถึงจุดจ่ายเงิน ให้ชำระค่าผ่านทางเป็นเงินสด บัตรเครดิต หรือขับผ่านไปเลยโดยใช้ pass
  • จ่ายตอนออก เราจะได้บัตรผ่านทางบริเวณทางเข้า โดยอาจจะมีคนแจกให้ หรือให้กดเองจากเครื่อง และเมื่อขับไปถึงทางออก ก็ค่อยชำระค่าผ่านทางเป็นเงินสด บัตรเครดิต หรือ pass บางครั้งทางเข้า Toll อาจเป็นแค่ทางแยก enter เข้า โดยไม่มีด่านอะไรเลยก็ได้ค่ะ จะเจอด่านเฉพาะตอนขาออก

สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องพื้นฐานที่คนขับรถในอเมริกาควรรู้ ส่วนกฎระเบียบอื่นๆ นั้นไม่ต่างจากประเทศไทยสักเท่าไหร่ เช่น ไม่จอดรถบนทางม้าลาย ไม่จอดในที่ห้ามจอด ฯลฯ เพียงแต่ตำรวจอเมริกาเอาจริงกว่ามาก เขาอาจจะไม่ได้ยืนให้เห็นชัดๆ แบบเมืองไทย แต่จะซุ่มอยู่ตามจุดต่างๆ หากเผลอทำผิด และมีรถตำรวจขับประชิดตามหลัง ไม่ว่าจะรู้หรือไม่รู้ว่าผิดเรื่องอะไร ให้รีบนำรถจอดข้างทาง และนั่งนิ่งๆ รออยู่ในรถจนกว่าตำรวจจะเดินมาเคาะกระจก ไม่ขยับ หรือหยิบสิ่งของ เพราะเขาอาจเข้าใจว่าเรากำลังหยิบอาวุธ

สุดท้ายนี้สิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ สติ ขับรถอย่างระมัดระวัง ไม่ประมาท แล้วจะพบว่าอันที่จริงแล้วการขับรถในอเมริกานั้นง่ายและปลอดภัยกว่าที่ไทยอีก !


คำถามน่ารู้เกี่ยวกับการขับรถในอเมริกา

1. อายุเท่าไหร่ที่จะสามารถทำใบขับขี่ในอเมริกาได้?

ตอบ อายุที่สามารถเริ่มทำใบขับขี่ได้ จะแตกต่างกันไปตามแต่ละรัฐ แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีอายุประมาณ 16 ถึง 18 ปี

2. มีข้อห้าม สำหรับผู้ขับขี่ใหม่ เช่น เคอร์ฟิว หรือการจำกัดจำนวนผู้โดยสารหรือไม่?

ตอบ หลายรัฐมีข้อจำกัดสำหรับผู้ขับขี่ใหม่ เช่น เคอร์ฟิว จำกัดจำนวนผู้โดยสาร และห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ

3. ใบขับขี่แบบ “learner’s permit” กับใบขับขี่ทั่วไปแตกต่างกันอย่างไร?

ตอบ ใบขับขี่แบบ “learner’s permit” จะต้องมีคนที่มีใบขับขี่ดูแลอยู่ในรถด้วยขณะขับรถ ในขณะที่ใบขับขี่ทั่วไปอนุญาตให้ขับขี่โดยไม่มีผู้ดูแลได้

4. มีกฎเฉพาะเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถหรือไม่?

ตอบ หลายรัฐมีกฎหมายห้ามใช้อุปกรณ์พกพาขณะขับรถ เว้นแต่จะใช้เทคโนโลยีแฮนด์ฟรี

5. จะขับผ่านสี่แยกที่มีเครื่องหมาย “Stop” ทุกแยก อย่างไร?

ตอบ ที่ป้ายหยุดรถ 4 ทาง (four-way stop) รถคันแรกที่หยุดจะมีสิทธิ์ได้ไปก่อน และถ้าจอดพร้อมกัน รถคันที่อยู่ทางขวาจะไปก่อน

6. ควรทำอย่างไรหากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์?

ตอบ หลังจากเกิดเหตุ ควรตรวจสอบว่าบาดเจ็บตตรงไหนไหม หากเหตุไม่รุนแรง ควรถ่ายรูปเป็นหลักฐานเก็บไว้ โทรหา 911 และติดต่อประกัน เพื่อรายงานเหตุการณ์


บทความที่เกี่ยวข้อง ขับรถในอเมริกา

โอนเงินจากต่างประเทศมาไทย แบบไหนดี รวดเร็ว ปลอดภัยที่สุด ปี 2023

5 หลักการ ขับรถในอเมริกา
เจาะลึกเบื้องหลังการทำงาน Hostess คือ ใคร มีหน้าที่อะไรบ้างในร้านอาหาร

10 เคล็ดไม่ลับ เที่ยวอเมริกาด้วยตัวเอง

เดินทางถูกใจกับ 10 เว็บไซต์หาตั๋วเครื่องบินในอเมริกา

GoGoAmerica.com เว็บรวมหลากหลายเรื่องราวน่ารู้ใน อเมริกา ทั้ง วัฒนธรรม อาหาร ชีวิตความเป็นอยู่ หางานอเมริกา สถานที่ เที่ยวอเมริกา สำหรับคนไทยที่มีเป้าหมายในอเมริกาไม่ควรพลาด

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *